Wednesday, 21 January 2015

My Special Day! [Special episode] - Officially graduated from King's College London

Yesterday was one of my very special day after tons of tears, and also a ton of travelling tickets!
I gain lots from King's College London... especially, wonderful experience and really nice relationships with many people.
These will be great memories for the rest of my life..

Having a very warm hand check with a Dean. Yeahh, and I passed with Merit!

Yes, this black&white gown is belong to School of Law....and I become a lawyer! (really??)
The ceremony was taken place at the Barbican Centre
Stay tuned for more photos!


Wednesday, 7 January 2015

ลุยหิมะ ชมวัง นั่งรถไฟ ปู๊นๆ [Winter Russia] Ep.3 - St.Petersburg-3

สวัสดีเช้าวันที่ 4 ของทริปตะลุยรัสเซียค่ะ
วันนี้ตื่นเช้ามาก็รู้สึกเย็นกว่าวันอื่นๆ แถมวันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของเซนต์ปีเตอร์เบิร์กแล้วด้วย ทิปเลยต้องรีบจัดการแพคกระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อจะเชคเอ้าท์ตั้งแต่เช้าไปเลย

วันนี้ต้องเรียกว่าเป็นเด็กเที่ยวยันดึก เพราะรอบรถไฟกลับมอสโคที่จองไว้เป็นรอบห้าทุ่มครึ่ง
โปรแกรมวันนี้เลยจะเต็มที่กับชีวิตมากค่ะ
โดยเราจะเริ่มต้นที่ Peter&Paul Fortress ซึ่งเป็นป้อมปราการกลางน้ำแห่งเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แล้วจึงไปชมความงามของ St. Isaac's Cathedral ก่อนที่จะไปชมศิลปะยามค่ำคืนที่ Hermitage Museum ค่ะ
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางเลย!

Today was the last day in St Petersburg, but I had all day all night here before taking a midnight train back to Moscow. 
There's snow today...
โอ๊ะ แค่ก้าวเท้าออกจากโรงแรม น้ำมูกก็กลายเป็นน้ำแข็ง

สงสัยวันนี้คุณสโนวจะมาส่งเรากลับมอสโควค่ะ
ทิปต้องเดินข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟฝั่งตรงข้าม เพื่อจะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ใต้สถานีก่อนค่ะ
Before starting my journey, I kept all my baggages in the locker at the train station.
The locker room is on the lower floor.
 เมื่อเดินเข้ามาในตัวสถานี (ซึ่งทางเข้านี้จะอยู่คนละฝั่งกับทางออกสถานีนะคะ)
ห้องล็อคเกอร์จะต้องเดินเลี้ยวไปทางขวาแล้วลงบันไดไปชั้นใต้ดินค่ะ
มีตู้ Bubble tea ด้วย
รัสเซียเค้าก็มุ้งมิ้งเหมือนกันนะคะ

Locker มี 2 ไซส์ ราคา 220 และ 250 Rb/24 hours
วิธีใช้ก็เริ่มโดย เราจะต้องเลือกหมายเลขตู้ที่เราต้องการฝากกระเป๋าก่อน โดยไปชำเลืองดูก่อนก็ได้ค่ะว่าหมายเลขไหนโดนใจเราสุด
แล้วเราก็ต้องมาจ่ายเงินที่ตู้อัตโนมัติก่อน
เลือกหมายเลข จำนวนชม.ที่เราต้องการ แล้วก็จ่ายเงิน
ก็จะได้ออกมาเป็นการ์ดแบบนี้ค่ะ
Choose number, size, duration and pay at the machine first, and you will get the white card to scan at the locker.
1. นำการ์ดที่ได้ไปแสกนที่ตู้ตามหมายเลขที่เราเลือก (scan the card at the black pad)
2. ยัดกระเป๋าเข้าไปให้เต็มที่ค่ะ (ตรงนี้ต้องคิดดีๆนะคะว่าจะเอาอะไรติดตัวไปบ้าง เพราะเราจะเปิดล๊อกเกอร์ได้แค่ครั้งเดียวนะคะ) (put all your baggages)
3. ปิดตู้ แล้วสัญญาณไฟเขียวจะขึ้น ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ (close the door and the green light will appear)
be careful, you can open only one time.
หลังจากนั้น ก็ออกจากสถานีรถไฟมาทางประตูเดิมที่เข้ามา ซึ่งจะเห็นวงเวียนนี้อยู่ด้านหน้าค่ะ

ก่อนจะไปเที่ยว ก็ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า
โดยเดินข้ามถนนกลับไปยังฝั่งตรงข้ามสถานีที่เราข้ามมา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน Nevskiy prospekt ซึ่งถนนเส้นนี้ก็จะมีร้านอาหารให้เลือกมากมายค่ะ
ทิปเลือกกินพิซซ่าเป็นอาหารเช้ารวมกับอาหารกลางวันไปเลยแล้วกัน
I had a brunch at Pizza Hut on Nevsky Prospect street.
หลังจากกินเสร็จ ก็ขึ้นเมโทรสายเขียวที่สถานี Mayakovskaya (ซึ่งที่จริงก็เป็นสถานีติดกับสายแดงสถานี Ploshchad ค่ะ) เพื่อไปลงที่สถานี Gorkovskaya สีฟ้า ค่ะ
Then, took the metro from Mayakovskaya station (green line) to Gorkovskaya (blue line), to Peter and Paul Fortress.
โดยเราต้องนั่งสีเขียวไปลงที่สถานี Gostiny Dvor ก่อน
 แล้วจึงต่อสายสีฟ้าสถานี Nevsky Prospekt ไปลงที่สถานี Gorkovskaya
(change from green to blue line once at Gostiny Dvor station)


เมื่อถึงสถานี Gorkovskaya ก็จะมีป้ายนำทางไปยังป้อม Peter and Paul ค่ะ
เมื่อออกมาจากเมโทร ภาพเบื้องหน้าเรานี่กลายเป็นภาพขาวดำ (แต่มีขาวซะมากกว่า)

Outside the station is a snow town!
 สวนสาธารณะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ สวยมากก นึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงหิมะ
 แต่ดูไปดูมา เหมือนพนักงานที่เมืองหิมะดรีมเวิลด์มากกว่า
สนามเด็กเล่นกลางหิมะ
 เด็กโข่งก็มาเล่น
บึงก็กลายเป็นน้ำแข็ง ถ้าเป็นในการ์ตูนก็คงจะต้องลงไปเล่นสเก็ตแล้ว แต่พอดีว่าชีวิตจริงเอาเสื้อผ้ามาชุดเดียวค่ะ
เดินทะลุสวนสาธารณะออกมาที่ถนน
Walk pass the park, you will see an island of Peter and Paul Fortress. 
ก็จะเห็นกำแพงป้อมปราการอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีน้ำล้อมรอบอยู่ค่ะ
ทางซ้ายมือก็จะมีคาเฟ่เก๋ๆอยู่ริมถนน
Cross the road in front of the petro station, and cross the bridge to an entrance of the fortress.
เลยไปอีกนิดก็เป็นปั๊มน้ำมัน ซึ่งเราจะข้ามถนนตรงหน้าปั๊มนี้ 
แล้วจึงข้ามสะพานไปยังทางเข้า Peter and Paul Fortress

Peter and Paul Fortress เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นบนเกาะเล็กๆ (เล็กมากๆ) เหนือแม่น้ำเนวา ซึ่งเป็นเหมือนแม่น้ำเทมส์ของลอนดอน หรือแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพนี่แหละค่ะ
โดยแรกเริ่มเดิมที ป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในช่วงเริ่มต้นคริสศตวรรษที่ 18 ค่ะ โดยพระองค์ประสงค์ที่จะใช้เกาะแห่งนี้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจากการรุกรานโดยทหารสวีเดนในยุคสงครามทะเลเหนือค่ะ (Northern War)
แต่เอาจริงๆสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ตามพระประสงค์แต่อย่างใด

ต่อมา ในช่วงค.ศ.1720 เป็นต้นมา ป้อมปราการแห่งนี้จึงถูกนำมาใช้เป็นที่คุมขังนักโทษชั้นสูง และนักโทษทางการเมืองแทนค่ะ

นอกจากนี้ ในป้อมปราการแห่งนี้ก็ยังมีตัววิหาร หรือ Peter and Paul Cathedral ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์รัสเซียหลายต่อหลายพระองค์จนมาถึงราชวงศ์สุดท้ายคือราชวงศ์โรมานอฟค่ะ

ถ้าพร้อมแล้วก็ก้าวเท้าเข้ามาเลยค่ะ
    น้ำคงจะไม่เย็นมากมั้ง

เดินเข้าไปเลย
ซื้อตั๋วที่อาคารด้านซ้ายมือก่อน
สำหรับราคาค่าเข้าชมแบบรวม (เข้าชมโบสถ์ + คุก)
ราคาปกติ 300 Rb (Entrance fee + Cathedral + Prison)
ราคานักเรียน 160 Rb (For children/student card)

ภายในป้อมก็จะมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆให้เข้าชมหลายที่ค่ะ ซึ่งบางแห่งก็จะต้องเสียเงินแยกต่างหายจากที่เราจ่ายที่ทางเข้า

อันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง 
ผู้หญิงด้านขวาเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ส่วนทหารด้านซ้ายเป็นคนจริงๆค่ะ
ต้องจ่ายค่าเข้าชมแยกต่างหาก 250 Rb ค่ะ ทิปเลยว่าเก็บไว้กลับไปดูที่นครปฐมละกัน

วันนี้หิมะโปรยปรายลงมาตลอด ทิปว่าก็ดูสวยไปอีกแบบ เป็นสีขาวทองเหมือนไอโฟน 6

เดินตรงมาตามทางเดินใหญ่เรื่อยๆ ก็จะเห็น Peter and Paul Cathedral ซึ่งก็คือตัววิหารที่เราเห็นยอดสูงๆแหลมๆมาตั้งแต่ด้านนอกค่ะ
ส่วนนี้อยู่ในราคาที่ทิปจ่ายค่าเข้ามาแล้ว เราก็โชว์ตั๋วและเข้าไปข้างในกันเลย
 
ข้างในตัววิหารถึงจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ความสวยงามอลังการนั้นไม่ต้องพูดถึง
ก็รัสเซียเค้าทำอะไรเบาๆ ธรรมดาๆไม่เป็นมั้งคะ เล่นใหญ่ตลอด
อย่างที่บอกไปว่าวิหารแห่งนี้ เป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์รวมถึงพระราชวงศ์แห่งรัสเซียไว้หลายพระองค์ ตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราช (ซึ่งก็ทรงเป็นผู้สร้างป้อมนี้ขึ้นมาเอง)

ข้างในตัววิหารก็เลยอาจจะดูหวิวๆนิดหน่อยถ้าเดินเข้ามาคนเดียว เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่โลงบรรจุพระศพที่สวยงาม



ตามที่อาจารย์ทิปปี้เคยกล่าวไว้ในคลาสประวัติศาสตร์เมื่อวันก่อนถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ และเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งรัสเซียด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ซาร์นิโคลัสที่ 2 หลังจากพระองค์ถูกประหารชีวิตพร้อมด้วยราชินีและเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดแล้ว พระศพของพระองค์ก็ได้ถูกนำมาไว้ที่วิหารแห่งนี้เช่นเดียวกันค่ะ


Family tree
มีเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าใครเคยอ่านหรือดูการ์ตูนเรื่อง Anastasia ก็คงจะทราบว่า ในวันที่เกิดการปฏิวัติและพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมด้วยพระราชวงศ์ทั้งหมดถูกจับตัวและประหารชีวิตในเวลาต่อมานั้น พระธิดาองค์หนึ่งของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งมีพระนามว่า เจ้าหญิงอนาสเตเซีย ได้หายสาบสูญไป ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบพระองค์อีกเลย

ถ้าตามการ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ก็เล่าว่า เจ้าหญิงทรงตกลงมาจากรถไฟที่จะหนีไปปารีสกับท่านย่าในช่วงชุลมุน ซึ่งทำให้ความจำเสื่อมและด้วยความที่พระองค์ปลอมตัวมาจึงไม่มีใครจำได้ สุดท้ายแม้จะรอดชีวิตแต่ก็ถูกส่งไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านอกเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กโดยที่ไม่มีใครรู้ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเคยเป็นเจ้าหญิงมาก่อน
จนต่อมาเมื่อได้กลับไปที่พระราชวัง ซึ่งก็คือ Catherine Palace ที่เราไปมาเมื่อวาน ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด และสุดท้ายก็ตามไปพบท่านย่าที่ปารีสได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือของพระเอกซึ่งเป็นเด็กก้นครัวในวังมาก่อน แต่สุดท้ายพระองค์ก็เลือกที่จะละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหมดให้จมเป็นปริศนาตลอดไป และเริ่มชีวิตใหม่ในฐานะของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
แหม่ กลายเป็นคลาสการ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ไปซะงั้น เอาเป็นว่า ไปดูกันเอาเองนะคะ

ส่วนในโลกแห่งความจริงนั้น ตลอดระยะเวลาดังกล่าว ก็มีหญิงสาวมากมายที่ออกมาเคลมว่าตนนั้นเป็น อนาสเตเซียที่หายสาบสูญไป แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริง
มีอยู่รายหนึ่งที่ดูเข้าเค้ามากค่ะ ซึ่งเธอมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับภาพของอนาสเตเซียมาก แถมยังสามารถบอกได้ถูกต้องถึงเรื่องส่วนตัวของเจ้าหญิงซึ่งแทบจะไม่มีใครรู้นอกจากคนสนิทในวัง รวมถึงสิ่งที่เจ้าหญิงชอบด้วย แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่ดีค่ะ บางคนก็ว่าเธอเป็นคนใช้เก่าในวังมากกว่า

ก็คงไม่แปลกนะคะ ที่จะมีคนพยายามอ้างตัวเป็นอนาสเตเซียมากขนาดนี้ เพราะจนถึงปัจจุบัน สมบัติมหาศาลแห่งราชวงศ์โรมานอฟก็ยังคงเฝ้ารอคอยทายาทที่แท้จริงมาเอากลับไปอยู่ค่ะ

หลังจากขุดประวัติราชวงศ์อยู่พักใหญ่ ก็เดินออกมาทางประตูนี้ เพื่อไปหาสถานที่ต่อไป
โดยออกมาจากประตูนี้แล้ว ก็เดินขึ้นไปยังถนนทางด้านซ้าย
ผ่านพิพิธภัณฑ์เครื่องทรมานนักโทษ ซึ่งคนอ่อนหวานอย่างเราคงทำใจเข้าชมไม่ได้
(ที่จริงต้องจ่ายเงินเพิ่มค่ะ เลยทำใจไม่ได้)
เดินมาสุดถนน เลี้ยวซ้ายจะเป็นลานปืน เลี้ยวขวาจะเป็นคุกที่เราจะเข้าชมค่ะ
เมื่อแวะไปดูลานปืนมาแล้ว ก็เดินย้อนกลับมา เพื่อไปยังคุก
The prison
เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายหลังประตูนี้เลย
เครื่องแต่งกายนักโทษเมืองหนาว ใครอยากได้รองเท้ายกมือขึ้น!

ประตูห้องคุมขังนักโทษ

เมื่อเปิดช่องเล็กๆที่ประตู
ก็จะเจอห้องสี่เหลี่ยมขนาด 3 คูณ 4 ตารางมด พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Put-in และ breakfast in bed
พิเศษ สำหรับยี่สิบคดีแรก รับฟรีไปเลย ห้องน้ำในตัว!
ก็อย่างที่บอกค่ะ คุกแห่งนี้เป็นที่คุมขังนักโทษชั้นสูง และนักโทษทางการเมือง สภาพความเป็นอยู่จึงอาจดูเหมือนจะดีกว่าคุกปกตินิดหน่อย
แต่จะดียังไง สุดท้าย นักโทษส่วนใหญ่ก็ต้องจบชีวิตลงที่นี่ หรือไม่ก็ถูกแขวนคอค่ะ

ตามประวัตินั้น ขนาดพระโอรสของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชก็ยังต้องโทษและถูกคุมขังอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์ เนื่องจากมีความเห็นอันไม่เป็นไปตามแนวทางเดียวกับพระเจ้าปีเตอร์มหาราช และโดนข้อหาล้มล้างกษัตริย์ค่ะ


ภาพศิลปะโดยนักโทษ จะเห็นได้ตามผนังห้องขังค่ะ
ตรงนี้เป็นห้องสมุดของนักโทษ

ในทุกเรือนนักโทษ จะมีห้องดำอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งจะเป็นห้องสำหรับลงโทษนักโทษในเรือนจำ โดยจะให้นักโทษที่ทำผิด เข้าไปอยู่ในห้องนี้ซึ่งเป็นห้องแคบๆที่มืดสนิท แต่มีรูให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้... คือไม่ได้แปลว่า ดี มีรูระบายอากาศนะคะ แต่ลองคิดดูว่าห้องที่ไม่มีฮีทเตอร์ และอากาศที่ติดลบยี่สิบองศา ในสภาพโดดเดี่ยวไม่มีเครื่องป้องกันความหนาว จะต่างอะไรกับเครื่องทรมานนักโทษ


เมื่อเที่ยวชมเรือนจำทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาออกจากป้อมซะที เพราะเรายังต้องไปต่ออีกหลายที่ค่ะ
I used an exit on the left side of the fortress, and crossed Kronverkskiy Bridge.
โดยเดินออกมาจากป้อม ที่ประตูทางออกด้านซ้ายของเกาะ แล้วข้ามสะพาน Kronverkskiy กลับมาที่ฝั่ง










เรือลำนี้ ที่จริงเป็นร้านอาหารและฟิตเนสลอยน้ำค่ะ อยู่ริมทางเดินที่เราจะเดินข้ามกลับมาที่แผ่นดินด้านใต้ของแม่น้ำเนวาค่ะ
แล้วก็เดินข้ามสะพานใหญ่ (Birzhevoy) เพื่อข้ามแม่น้ำเนวาไปยังฝั่งตรงข้าม
แล้วเดินผ่านทางเดินที่มีเสาสีแดงใหญ่ๆสองต้นในภาพ
เพื่อข้ามอีกสะพาน (Dvortsovyy) ไปยังอาคารริมน้ำสีเขียวใหญ่ ซึ่งก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Hermitage
และ St Isaac's Cathedral ซึ่งมองเห็นเป็นโดมสีทองใหญ่ๆ ตรงกลางค่ะ

Cross Birzhevoy bridge to The pairs of Rostral Columns
เมื่อข้ามสะพาน Birzhevoy มาแล้ว เราก็จะยืนอยู่บนแหลมที่ยื่นเข้าไปในแม่น้ำเนวา และแบ่งแม่น้ำเนวาออกเป็นแม่น้ำ Malaya neva ที่อยู่ด้านบนซึ่งเราเพิ่งข้ามมา และตัวแม่น้ำ Neva เองที่อยู่ด้านใต้ของแหลม
 บนแหลมแห่งนี้จะมี (the pairs of) Rostral Columns ซึ่งเป็นเสาคู่สีแดงสองต้น เป็นประภาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณสองร้อยปีที่แล้ว ซึ่งที่ฐานของเสาทั้งสองต้นนี้จะมีรูปปั้นของหัวเรือหับแม่ย่านาง 4 อัน ซึ่งมีความหมายโดยนัยถึงแม่น้ำสำคัญทั้งสี่สายของรัสเซีย ได้แก่ Volga และ Dnieper (ที่เสาด้านเหนือ) Neva และ Volkhov (ที่เสาด้านใต้) ค่ะ
นอกจากนั้น เสาทั้งสองนี้มีการเชื่อมต่อกับท่อส่งแก็ส ซึ่งในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันครบรอบเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก หรือวันปีใหม่ ก็จะมีการจุดไฟที่ยอดเสานี้ค่ะ

Cross Dvortsovyy bridge to Hermitage Museum. Pass the Hermitage, to visit St Isaac's Cathedral first, by turn right to Admiralteyskiy prospekt Street. Go straight until you see the gold large dome on the left hand side.
หลังจากนั้น ก็เดินข้ามสะพาน Dvortsovyy มา
ซึ่งเมื่อข้ามมาแล้ว เราก็จะเห็นลานกว้างซึ่งเป็นที่ตั้งของ Hermitage Museum อยู่ทางซ้ายมือ
แต่เราจะยังไม่เข้าไป เพราะเราจะเดินเลยไปชม St Isaac's Cathedral ก่อน
โดยจากจุดที่เรามองเห็น Hermitage Museum อยู่ด้านซ้ายมือ ให้เราเดินเลี้ยวเข้าไปในถนน Admiralteyskiy prospekt ที่อยู่ด้านขวาแทนค่ะ
เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นยอดโดมสีทองอยู่ไกลๆค่ะ

 ในที่สุดก็มาถึง St Isaac's Cathedral
มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 19 โดยใช้เป็นโบสถ์หลักประจำเมืองและยังเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียในสมัยนั้นด้วยค่ะ
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้ก็คือ ยอดโดมสีทองอร่าม ซึ่งทำจากทองคำแผ่นที่มีน้ำหนักรวมถึง 100 กิโลกรัม

ว่าแล้วก็ลองไปดูข้างในบ้างดีกว่า
ค่าเข้าชม 250 Rb
ถ้ามี isic card 150 Rb ค่ะ

ภายในดูหรูหราอลังการ ด้วยเสาหินแกรนิตแกะสลักสีสดใส ผนังหินอ่อน และภาพเพ้นท์บนเพดาน


มีคู่แต่งงานมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่ด้านในพอดีเลยค่ะ


 ปัจจุบัน วิหารแห่งนี้ก็ยังมีการใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่บ้างในเทศกาลสำคัญจริงๆค่ะ
ออกมาด้านนอก ก็เจอคู่บ่าวสาวอีกคู่กำลังถ่ายวิดีโอเต้นรำ โรแมนติกจริงๆ

หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อไปยัง Hermitage Museum 
Walk back to the Hermitage.

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เคยเป็นพระราชวังฤดูหนาวซึ่งสร้างเป็นอาคารใหญ่และยาว มี 3 ชั้น ติดต่อกันไป 5 อาคาร ซึ่งมีห้องรวมๆแล้วมากกว่า 400 ห้องค่ะ
และพระราชวังแห่งนี้เอง ที่เคยใช้เป็นสถานที่รับรองของรัชกาลที่ 5 ในสมัยที่เสด็จมาเจริญสัมพันธไมตรีกับซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียค่ะ
โดยลานหน้าพระราชวังแห่งนี้ จะมี Alexander I Column หรืออนุสาวรีย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ที่เห็นเป็นเสาหินแกรนิตสูง มีรูปปั้นนางฟ้าถือไม้กางเขนอยู่บนยอด ซึ่งเป็นเกียรติแก่พระเจ้า Alexander I ในชัยชนะเหนือพระเจ้านโปเลียน ในปี 1812

ทางเข้าพิพิธภัณฑ์

 เดินผ่านสวนเข้าไปยังอาคารด้านหลัง เพื่อเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์
ค่าเข้าชม 400 Rb (Entrance fee)
ส่วนนักเรียน/นักศึกษาแสดงบัตร เข้าฟรีค่ะ! Free for student!
เมื่อจัดการฝากกระเป๋า กล้องและเสื้อโค้ทเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปชมเลยดีกว่า (แต่พอดีมือถือมันติดกระเป๋ากางเกงมาด้วยค่ะ แหะๆ)




พิพิธภัณฑ์ก็ยังเป็นกลิ่นอายของพระราชวังสไตล์รัสเซีย
นอกจากมาชื่นชมความสวยงามของตัวอาคารและห้องต่างๆของพระราชวังแล้ว
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังรวบรวมทรัพย์สิน และศิลปะแขนงต่างๆของรัสเซียที่รวบรวมไว้ถึง 3 ล้านชิ้น ทั้งภาพเขียน รูปปั้น เฟอร์นิเจอร์ และศิลปะต่างๆอีกมากมายซึ่งคงต้องใช้เวลาดูหลายปีกว่าจะครบทุกชิ้นค่ะ
ทิปก็ขอแอบเก็บภาพบางส่วนมาฝากละกันนะคะ








เมื่อเดินชมจนเหนื่อยแล้ว ก็กลับค่ะ
 แต่เนื่องจากวันนี้เรามีนัดกับรถไฟไปมอสโควรอบดึก
 เราจึงยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ
ออกมาจาก Hermitage Museum แล้วก็เดินทะลุอาคารฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะเป็นถนนเล็กๆ
เดินมาเรื่อยๆจะมาออกถนน Nevsky Prospect

From the Hermitage Museum, I walked along Nevsky Prospect Street to see Singer building and Kazan Cathedral again, and bought souvenirs at shops along the canal, before taking the metro back to the train station.
เดินตามถนนมาเรื่อยๆ จนเจอ Kazan Cathedral และ Singer building
ทิปแวะซื้อของที่ระลึกบนถนนเลียบคลองที่มีโบสถ์หยดเลือดอยู่ปลายทางค่ะ
ขอแนะนำว่า ของที่ระลึกที่เกี่ยวกับเซนต์ปีเตอร์เบิร์กให้ซื้อที่ร้านแถวนี้ก็ได้ค่ะ ราคาไม่แพง
แต่ถ้าเป็นของที่เป็นรัสเซียหรือมอสโคว ค่อยไปซื้อที่มอสโควดีกว่าค่ะ เพราะมีที่ถูกๆๆอยู่ที่มอสโควค่ะ

หลังจากเลือกซื้อของและเก็บตกภาพต่างๆในบริเวณนี้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากขี้เกียจเดินและตั๋วเมโทรก็ยังเหลือ วันนี้ขอนั่งทูปจากสถานีนี้ (Nevskiy prospekt station) 1 ป้ายไปลงที่สถานี Mayakovskaya

เมื่ออกจากเมโทร ก็เดินต่อมาจนใกล้จะถึงวงเวียน
ผ่านห้าง Stockmann ก็เลยแวะเข้าไปเดินเล่นในห้างก่อนค่ะ
Stop at Stockmann department store opposites Mayakovskaya station

เกือบสี่ทุ่มแล้ว ก็เลยเดินผ่านวงเวียนเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟ
ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ล๊อกเกอร์
ตรงหน้าห้องล๊อกเกอร์นี่เองมีมินิมาร์ทเปิดตลอด 24 ชม. ก็เลยเข้าไปวิ่งเล่นซะหน่อย
Supermarket at the train station (in front of the locker room) 

ซื้อไปกินบนรถไฟดีกว่า

กลับขึ้นมารอที่ตัวสถานีชั้นบน
Waiting for the night train at the station.
จนถึงเวลารถไฟมา
ขอต้อนรับสู่ห้องโดยสารตู้นอนชั้น 1 ค่ะ
Welcome to the 1st class...
ทางเดินภายในโบกี้
เชิญรับชมภายในห้องพัก ก่อนที่ผู้โดยสารจะสลบนะคะ






Have a good night & see you tomorrow Moscow!

Total Pageviews