Friday, 21 August 2015

[EP.4] ++( Jungfrau )++ แบกเป้ หนีเรียน ข้ามฝั่ง ไปสวิส [Summer Swiss]

สวัสดีทุกท่านอีกครั้งนะคะ หลังจากหายไปเที่ยว เอ้ย เรียนอย่างหนักเกือบครึ่งปี
ทริปเที่ยวต่างๆที่หมักดองไว้ก็เปรี้ยวได้ที่ควรค่าแก่การกลับมาทำเป็นรีวิวให้ทุกท่านได้ชมอีกครั้ง

บางท่านแอบส่งข้อความมาเปรยๆว่า พี่รอดูรีวิวน้องจนเที่ยวเสร็จกลับมาแล้ว ก็ต้องขออภัยอย่างสูงจริงๆนะคะ หวังว่าทุกท่านจะยังไม่ลืม และติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ

สำหรับทริปนี้ ขอนำทุกท่านไปต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (ซึ่งเป็นทริปที่หมักดองไว้นานที่สุด) 
ครั้งที่แล้วเราหยุดไว้ที่ Interlaken (สามารถย้อนไปดูได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ http://wanderlustippy.blogspot.com/2014/09/ep3-pack-your-bag-skip-class-cross-sea.html
วันนี้เลยจะพาทุกท่านเดินทางต่อไปสู่จุดหมายสำคัญหนึ่งของทริปนี้ คือ Jungfraujoch หรือ ยอดเขายุงเฟรานั่นเองคะ

Hi everyone! I apologize for my disappearance, I had a very tough time of exam period again. This time I will bring you to continue  the 4th day of our trip to Switzerland, to one of my bucket lists... Jungfrau!

You can review my 3rd day in Interlaken here  http://wanderlustippy.blogspot.com/2014/09/ep3-pack-your-bag-skip-class-cross-sea.html


วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทางแล้ว เราออกเดินทางจากที่พักไปขึ้นรถไฟที่สถานี Interlaken West และไปลงที่สถานี Interlaken Ost (สถานีอยู่ห่างกัน 4 นาที) เพื่อจะต่อรถไฟขึ้นยุงเฟรา

Start the 4th day : As I stayed at the hotel in Interlaken West, I need to take a train to Interlaken Ost Station first, to catch a train to Jungfrau. 
From Interlaken Ost, we need to take a second train to Kleine Scheidegg which is a centre station in order to catch the last train to the top.

Generally, there are 2 ways to get a rail from Interlaken Ost to Jungfraujoch.
First route : passing Grindelwald (the left side of the map below)
Second route : passing Lauterbrunnen (the right side of the map below)
No matter which route you choose, it will end at Kleine Scheidegg Station, and you need to take the red train from this station to Jungfrau Station. 

Today I chose the Grindelwald route as I just passed Lauterbrunnen yesterday to Murren.

 จากสถานี Interlaken Ost เราต้องต่อรถไฟขบวนที่สองไปลงที่สถานี Kleine Scheidegg ก่อน 
ซึ่งสถานีนี้จะเป็นเหมือนกับสถานีกลางเพื่อที่จะต่อรถไฟขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟราอีกทีค่ะ

(ที่จริงแล้ว การเดินทางโดยรถไฟจาก Interlaken ไปยัง Jungfrao สามารถไปได้โดยเส้นทางหลักๆ 2 ทาง คือ ทางที่ 1 ไปทางด้าน Grindelwald (ด้านซ้ายของแผนที่)
               ทางที่ 2 ไปทางด้าน Lauterbrunnen (ด้านขวาของแผนที่)
 โดยไม่ว่าจะเลือกไปทางไหน รถไฟก็จะวิ่งอ้อมเขาไปบรรจบกันที่สถานี Kleine Scheidegg เพื่อที่จะต่อรถไฟสายยุงเฟราขึ้นไปยังยอดเขาค่ะ)

แต่เนื่องจากเมื่อวาน เราเพิ่งนั่งรถไฟผ่านทาง Lauterbrunnen เพื่อไปขึ้นยอดเขา Schilthorn มาเอง วันนี้เลยขอเปลี่ยนไปทางด้าน Grindelwald บ้างค่ะ

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังยอดเขายุงเฟรานั้น เราไม่สามารถใช้ Swiss Pass ขึ้นฟรีได้ค่ะ
แต่สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 25% ซึ่งจะเหลือราคา 136CHF ค่ะ 
ราคานี้ถือว่าสูงพอสมควรทีเดียว เพราะฉะนั้น ก่อนขึ้น เราควรจะเชคสภาพอากาศให้ดีก่อน หรือเชคจาก web cam ที่สถานีรถไฟก่อนก็ได้ค่ะ

โดยตั๋วรถไฟขึ้นยุงเฟรานั้น เราสามารถซื้อได้ที่สถานี Interlaken Ost ค่ะ แต่นอกจากนั้น ตามโรงแรมที่พักก็จะมีขายอยู่เช่นกัน โดยทิปก็ซื้อจากที่โรงแรมเลย ได้ในราคาเท่ากันค่ะ

To Jungfrau, there is an additional expense as the route to Jungfrau is excluded from free Swiss Pass.
However, if you have Swiss Pass, you can get 25% discount (136CHF after DC)
(This is still a high price so you should check the weather before buying a ticket, there is a web cam at the train station)

Apart from the train station, you may also buy a ticket at a hotel in Interlaken. I bought one at my hotel for the same price.

เมื่อรถไฟออกจากสถานี Interlaken Ost ก็เริ่มมองเห็นเทือกเขาหิมะหรอมแหรมอยู่ไกลๆ
รถไฟวิ่งหวานเย็นไปเรื่อยๆ ผ่านเนินเขาที่มีบ้านเรือนตั้งเรียงราย สวยมากๆ


วิ่งมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสถานี Kleine Scheidegg
จากสถานีนี้ เราต้องลงรถไฟ เพื่อต่อรถไฟอีกขบวนที่จะขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟราค่ะ

 รอแปปเดียวรถไฟก็มารับ โดยรถไฟขบวนนี้จะมีการจอดแวะตามจุดชมวิวที่สถานีต่างๆระหว่างทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายรูปและเข้าห้องน้ำได้ค่ะ  

After around 1 hr. from Interlaken Ost Station, the train arrived at Kleine Scheidegg Station.
I get off the train and waited around 10 mins before the red train to the top come.

The red train will stop at a few stations along the way. we can get off to see the view and for a toilet.


พอรถไฟจอด เราก็รีบวิ่งลงไปถ่ายรูป

แล้วรถไฟก็ขึ้นมาจนถึงสถานีปลายทาง Jungfrau ซึ่งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 3454 เมตร
ขอเชิญทุกท่านลงได้ค่ะ
Arrived at the final station, Jungfrau!
The train stops inside this mountain. I started walking along the way and first taking a lift to see a panoramic view of the mountains and glacier from the deck of the building (Sphinx Observatory)
รถไฟจะมาจอดอยู่ที่ด้านในของภูเขาที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ ซึ่งเราสามารถเดินตามทางและขึ้นลิฟต์เพื่อมายังจุดชมวิวบนอาคารด้านบน (Sphinx Observatory) ได้ค่ะ 
เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึง Sphinx ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีความสูงถึง 3571 เมตร ก็จะสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมะที่ล้อมรอบอยู่ได้ทั้งหมดแม้จะเป็นในฤดูร้อนค่ะ
มีระเบียงด้านนอกให้ออกไปถ่ายรูปได้
 มองออกไปเห็นธารน้ำแข็งทางด้านขวา
ที่จริงภายในภูเขาที่เราขึ้นมานั้น เค้ามีฐานต่างๆให้เราเที่ยวชมหลายจุด เช่น Alpine Sensation ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ประดับไฟสวยๆ และมีถ้ำน้ำแข็งให้เข้าไปเที่ยวชม

แต่เราเห็นคนอื่นไปกันเยอะแล้ว แถมวันนี้อากาศยังดูดีมากๆ เลยขอซ่าออกไปลุยภูเขาหิมะดีกว่า
Map showing a variety of zones and activites you can visit on Jungfrau, Unfortunately, I could not do all because of  lack of time. So I decided to walk outside the dome to see the glacier and the last house (on the very right side of the map) as the weather was very nice.

แผนที่แสดงส่วนต่างๆบนยุงเฟราที่เราสามารถไปเที่ยวชมได้ค่ะ
 จาก Sphinx ด้านบน ทิปลงลิฟต์กลับมายังด้านล่าง แล้วเดินต่อไปยังทางออกทางด้านธารน้ำแข็ง (glacier) ด้านขวาตามแผนที่ เพื่อจะเดินขึ้นไปยังกระท่อมปลายสุดตามแผนที่


จาก ประตูทางออกใต้ภูเขา เราก็เดินมาตามทางที่เค้าล้อมรั้วไว้ ห้ามซนวิ่งออกไปนอกเขตรั้วนะคะ เพราะอาจตกลงไปในหลุมหรือร่องภูเขาที่เรามองไม่เห็นได้ 
พอมองย้อนไปด้านหลัง ก็จะเห็นอาคารสีเงิน (Sphinx) ที่เราเพิ่งขึ้นไปชมวิวมา อยู่บนปลายยอดด้านบนเขา
เดินต่อมาอีกนิดเดียว ก็จะเห็น Snow fun park อยู่ด้านขวามือ ซึ่งจะเป็นลานหิมะสำหรับเล่น Sledge 
There is a Snow Fun Park in front of the exit door. Wait for me, I will come back to join you!
แต่ หนทางของเรายังอีกยาวไกล เพราะจุดหมายหลักของเราคือการไปให้ถึงกระท่อมริมหน้าผา ซึ่งต้องใช้เวลาเดิน (ถ้าไม่หยุดพัก) ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
เส้นทางนี้จะเปิดให้เดินได้เฉพาะในวันที่สภาพอากาศปลอดโปร่ง ปลอดภัยสำหรับนักเดินทางเท่านั้นค่ะ

ยิ่ง เดินไป คนก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆตามระยะทาง ถามว่าทางเดินไปโหดมั้ย ไม่ได้ลำบากมากค่ะ เป็นเนินขึ้นไปเรื่อยๆ เพียงแต่ต้องระวัง อย่าเดินออกไปนอกเขตที่มีไม้ปักไว้ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพื้นขาวๆที่เราเห็นนั้น จุดไหนที่มีพื้นจริง ซึ่งก็อาจเป็นอันตรายได้ค่ะ
ทิปก็อาศัยเดินตามทางที่มีรอยเท้าเยอะๆค่ะ
นอกจากนั้น ยิ่งสูง อากาศก็ยิ่งน้อยลง เพราะฉะนั้น แม้ทางเดินไม่ชัน แต่ก็จะรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติค่ะ
My destination is the Last House on the map, and the sign told me that it takes 45 mins. Actually, it took me around 2 hours!
The reason is I had many pit stops for sleeping and having lunch on the snow hehehe. You must understand that it is a very rare chance for me to take a nap and eat my left foods from the hotel on the roof of Europe while seeing the glacier! 
เดินมาได้เกือบครึ่งทาง ก็ขอนอนพักเอาแรงสักครู่ละกัน

หลังจากนั่งปิคนิคดูธารน้ำแข็ง และกินครัวซองกับสลามี่ที่เตรียมมาจากที่พักจนอิ่ม
 เราก็ออกเดินทางต่อมาเรื่อยๆ หิวน้ำเมื่อไหร่ก็โกยหิมะข้างทางขึ้นมากิน (ดูเป็นคนที่มีสุขอนามัยที่ดีมาก)

เดินมาอีกสักพัก ก็เห็นธงปักอยู่ นั่นแปลว่าเราเดินทางมาถึงจุงเฟราสำเร็จแล้ว ต้องขอแชะภาพไว้เป็นที่ระลึก
Yehhhh!

สัญญาณอินเตอร์เนตเค้าแรงจริง เชคอินได้จากบนยอดเขา

จากจุดที่เป็นธงนี้ เรายังต้องเดินต่อไปอีก เพื่อไปยังกระท่อมบนหน้าผาที่อยู่ด้านหลังค่ะ
From the flag point, we need to continue to the blue house at the end of the track.
 กระท่อมและซุปร้อนๆอยู่ใกล้แค่เอื้อมมมมมมม
 หันไปทางขวาเจอแต่ยอดเขาหิมะขาวโพลน
ทางเดินไปยังกระท่อมริมผา ค่อนข้างชันและแคบ บวกกับพื้นที่เป็นน้ำแข็ง ทำให้ลื่นมากกว่าจุดอื่น รองเท้าที่ดีและเหมาะสมกับสภาพหิมะและพื้นน้ำแข็งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยนะคะ

เย้ ในที่สุดก็มาถึงแล้วววว เข้าไปสำรวจกันดีกว่า
Arrived!
ที่จริงกระท่อมนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นให้กับนักปีนเขาที่จะเดินทางต่อขึ้นไปพิชิตยอดเขายุงเฟรา
และมีอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการแก่นักเดินทาง
เมื่อเข้ามาถึงก็จะเจอห้องสำหรับเปลี่ยนรองเท้า ซึ่งจะมีไว้สำหรับนักปีนเขาที่ต้องใช้รองเท้าพิเศษสำหรับเดินบนหิมะและน้ำแข็ง เพื่อเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์แทน
จากทางเข้าด้านล่าง เดินขึ้นมาชั้นบนก็จะเจอกับห้องอาหารเล็กๆที่เต็มไปด้วยนักเดินทางนั่งล้อมวงกันพูดคุยพร้อมกับจิบกาแฟชิลๆ เพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ทรหด
There is a lovely cafe on the 2nd floor, with a beautiful picture on the wall. Oh no, it is real!
ได้เจอวิวแบบนี้ ก็น่าจะหายเหนื่อยนะคะ

แล้วซุปก็มา
ถ้วยข้างๆไม่ใช่จิ๊กโฉ่วนะคะ มันคือกาแฟค่ะ
I ordered soup and a bowl of coffee :D
นั่งจิบซุป ซดกาแฟ เอ้ย ซดซุป จิบกาแฟ มองวิวนอกหน้าต่าง จนต้องขยี้ตาหลายๆครั้งว่านี่คือภาพวาดหรือความจริง

หลังจากนั่งชมวิวจนอิ่มแล้ว เราก็เดินลงมายังระเบียงด้านล่าง ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวเทือกเขาจากมุมสูงค่ะ



 จุดนี้จะมีห้องน้ำให้บริการอยู่ด้วยค่ะ
 
An opened flush made me closer to snow.
เนื่องจากห้องน้ำอยู่ภายนอกตัวอาคาร ผู้ใช้บริการก็จะได้รับความอิ่มเอมจากทัศนียภาพของพื้นหิมะเบื้องล่าง ผ่านทางท่อปลายเปิดดังรูป
ไปพร้อมๆกับลมหนาวโชยเบาๆสัมผัสผิวกายขณะนั่งปลดทุกข์ แค่คิดก็โรแมนติกแล้วค่ะ
ดีนะเนี่ย กินข้าวอิ่มแล้ว

หลังจากชื่นชมความงามของภูเขาน้ำแข็งจนเต็มอิ่มแล้ว เราก็ตัดสินใจเดินกลับดีกว่า เพราะทางเดินต่อไปจากนี้จะค่อนข้างหฤโหด ซึ่งเหมาะสำหรับนักปีนเขาที่มีอุปกรณ์พร้อมจริงๆ รองเท้าอย่างเราคงทำได้แค่ปีนเขาเขียวค่ะ

เดินลงมาจากกระท่อม ก็เห็นว่ากลุ่มเมฆขนาดมหึมาเริ่มลอยเข้ามาโอบล้อมยอดเขาซะแล้ว ถ้ามีพายุจริงเราคงแย่ เพราะต้องใช้เวลาเดินกลับอีกกว่าชั่วโมง
After full of breathing from the highest point in my life, I decided to get back.

เราเลยกึ่งเดินกึ่งสไลด์ลงมาตามทางเพื่อให้กลับไปถึงประตูทางเข้าให้เร็วที่สุด

แต่ก็ไม่หยุดที่จะยืนเก๊กกับธารน้ำแข็ง ที่มีสโนว์แมนเฝ้าอยู่

ปรากฎว่าได้ผลเกินคาด เพียงไม่ถึงชั่วโมง เราก็สไลด์มาจนเกือบถึง

 ก่อนจะกลับก็แวะเล่น sledge ที่ Snow Fun Park ที่อยู่ใกล้ทางเข้าซะก่อน
โดยเราต้องไปชำระเงินค่าเล่นกับเจ้าหน้าที่ก่อน ในราคาคนละ 15CHF
แล้วเค้าจะติด wrist band ให้ แล้วเราก็สามารถไปรับ snow sledge ได้เลยค่ะ
สำหรับเวลาในการเล่นนั้น ตอนถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าให้เล่นไปจนกว่าเค้าจะเรียก ซึ่งเราก็เล่นกันหลายรอบมากเค้าก็ไม่เรียกซักที และวันนี้ตอนเย็นเรายังมีแพลนที่จะกลับเข้าเมืองไปล่องทะเลสาบด้วย ก็เลยเอา sledge ไปคืนค่ะ

เครื่องเล่นนี้เล่นได้ทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับครอบครัวค่ะ
เวลาลงก็ไหลลงไป
ส่วนเวลาขึ้นไม่ต้องลากกลับขึ้นมาเอง เค้ามีทางเลื่อนให้ค่ะ
I stopped at the snow park for playing a sledge. The price is 15CHF/person and you will get a wrist band for playing.
I tried many times till I realized that I still have a plan for a lake cruise in the evening. 

หลังจากคืน sledge เรียบร้อยแล้ว เราก็เข้ามาข้างใน และไม่ลืมที่จะแวะส่ง Postcard กลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่ประเทศไทยค่ะ ซึ่งเค้าจะมี Postcard และแสตมป์ขายอยู่ตรงที่ขายของที่ระลึกอยู่แล้วค่ะ

Never forget to send a postcard to dad&mom. You can buy postcards at the souvenir shop, and there is a post box at the front.
ก่อนเดินมาขึ้นรถไฟเพื่อลงจากยอดเขา เราก็แวะเดินเล่นดูโซนต่างๆตามในแผนที่ค่ะ 

I walked back to the train station in the lower floor. You can see many old pictures relating to the history of Jungfrau along the way.


แล้วก็เดินมารอรถไฟที่จุดเดิมที่ขึ้นค่ะ 
Taking a seat and everyone will get a piece of chocolate as a souvenir. I saw everybody torn and ate, I wanted to, but I also want to keep it. So what I could do is only seeing all passengers had the chocolate.
เมื่อรถไฟมาถึง และหาที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้รับชอคโกแลตยุงเฟราเป็นของที่ระลึกคนละหนึ่งชิ้น
เห็นคนอื่นกิน ทิปก็อยากกินบ้าง แต่อีกใจก็เสียดาย อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็เลยได้แต่นั่งมองคนอื่นกินค่ะ
ในส่วนขาลงนี้ เราเลือกที่จะลงอีกเส้นทางหนึ่ง คนละทางกับที่ขึ้นมาในตอนเช้า เพราะจะได้เห็นวิวที่แตกต่างกัน ตามที่อธิบายไว้ตอนต้นค่ะ
โดยเมื่อรถไฟจอดที่สถานี Klein Scheidegg แล้ว เราก็เปลี่ยนเป็นรถไฟสีเหลืองเพื่อไปลงที่สถานี Lauterbrunnen แทน
โดยเส้นทางนี้ เราจะสามารถมองเห็นหมู่บ้าน Wengen และ Lauterbrunnen ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขา สวยงามตามท้องเรื่องจริงๆค่ะ

For the way back, after the red train arrived at Klein Scheidegg Station, I changed to the Lauterbrunnen route (the yellow train). By this train, you can see a very nice view of Wengen and Lauterbrunnen Village hiding in valleys.



เมื่อรถไฟวิ่งมาถึงหมู่บ้าน Lauterbrunnen เราก็จะได้เห็นน้ำตก Staubbach คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นน้ำตกจากหน้าผาที่มีความสูงถึง 300 เมตรเลยค่ะ
In Lauterbrunnen, you can see the Staubbach Falls which is located above Lauterbrunnen. The waterfall drops about 300 metres from a hanging valley that ends in overhanging cliffs above the Lütschine River.

Get off the yellow train at Lauterbrunnen Station, and take another train back to Interlaken Ost.

สุดท้าย เมื่อลงรถไฟที่ Lauterbrunnen แล้ว เราก็ต่อรถไฟอีกขบวนกลับมายัง Interlaken Ost เหมือนเดิมค่ะ

เมื่อมาถึงสถานี Interlaken Ost ซึ่งเป็นจุดเดียวกับท่าเรือที่เราจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการล่องทะเลสาป Brienz (Lake Brienz) เราก็วิ่งออกจากรถไฟด้วยความเร็วสูงเพื่อไปให้ทันรอบสุดท้ายก่อนที่เรือจะออกค่ะ
I was hurry back to Interlaken Ost Station and wished that I could come on time for the final round for a cruise trip in Lake Brienz. 
เพื่อมาพบกับรอยยิ้มของคุณป้าเจ้าหน้าที่ ที่บอกเราว่า วันนี้มีการเหมาเรือเพื่อจัดพิธีแต่งงาน ซึ่งทำให้ไม่มีเรือล่องทะเลสาบในวันนี้แล้วค่ะ
และนั่นคือปัญหาใหญ่ของเรา เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องออกจาก Interlaken เพื่อเดินทางลงใต้ต่อไปยัง Zermatt และเราคงไม่มีเวลาที่จะย้อนกลับมาขึ้นเรือที่ Interlaken อีกแล้ว
แต่ก็ช่วยไม่ได้ วันนี้คงได้แต่ทำใจ แล้วกลับไปวางแผนใหม่ สุดท้ายเราจะได้ล่องเรือหรือไม่ มาลุ้นกันนะคะ
สำหรับเวลาเดินเรือและราคาสามารถเชคได้ตามนี้ค่ะ http://www.bls.ch/e/schifffahrt/fahrplan.php
Unfortunately, the cruise was early closed today as there was a private party, it was not my day!
Poor me, I could do nothing except going back the hotel and trying to adjust my plan for if I may come back Interlaken again some day.

You can check a timetable and price for the cruise trip from here  http://www.bls.ch/e/schifffahrt/fahrplan.php
วันนี้ กลับมาต้มมาม่ากินที่ที่พัก เพราะเงินหมดไปกับการขึ้นยุงเฟราค่ะ

สำหรับในวันพรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางไปตามหาสิ่งที่เราสงสัยมาตั้งแต่เด็กๆเวลาที่เรากินชอคโกแลตสามเหลี่ยม Toblerone ว่าภูเขาที่เป็นโลโก้บนซองสีเหลืองนั้นคือภูเขาอะไร
มีใครสงสัยเหมือนทิปบ้างคะ?

Tomorrow morning, I will leave Interlaken to one of my favourite mountain I have seen from a package of pyramid-shaped chocolate since I was young. Come and eat with me!

Total Pageviews