สวัสดีเช้าวันที่ 3 ของการเรียนรู้ภายนอกห้องเรียนค่ะ
วันนี้ เรามีโปรแกรมเดินทางไกลนิดหน่อย โดยเราจะย้ายฐานที่มั่นจากซูริคมาที่ Interlaken ค่ะ
Say hi to the third day of my holiday! My plan today is to move from Zurich to Interlaken for 2 nights with a mission to conquer 007 peak and Jungfrao.
Say hi to the third day of my holiday! My plan today is to move from Zurich to Interlaken for 2 nights with a mission to conquer 007 peak and Jungfrao.
Interlaken เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสวิสเซอร์แลนด์ และถือเป็นเมืองสำคัญอย่างยิ่งเมืองหนึ่งของสวิสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นจำนวนมหาศาลตลอดทั้งปี
เนื่องจาก Interlaken เป็นที่ราบขนาดย่อมที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงและทะเลสาบ
และหนึ่งในเทือกเขาเหล่านั้นก็คือ Jungfrau (ยุงเฟรา) ที่คนไทยรู้จักกันดีผ่านทางเรื่องราวความรักต่างชนชั้นของคุณชายในตระกูลจุฑาเทพคนหนึ่ง (นี่ขนาดไม่ได้ติดตามนะคะ)
แต่จริงๆแล้ว นอกจากยุงเฟรา แถบ Interlaken นี้ยังมีสถานที่สวยๆอีกเยอะเลยนะคะ ไม่เชื่อก็ลองตามท่านหญิงทิปปี้มาสิคะ
เราเริ่มต้นออกเดินทางจากสถานีรถไฟซูริค (Zurich HB) ด้วยรถไฟขบวน IC มาลงที่สถานี Bern ก่อน
แล้วจาก Bern ก็ต่อรถไฟขบวน IC อีกขบวนไปลงที่สถานี Interlaken West (ทิปพยายามจัดตารางให้ต่อรถไฟน้อยขบวนที่สุดและเป็นขบวน IC ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ประหยัดเวลาค่ะ.. ซึ่งก็อาศัย Application- Rail Planner สุดเฟี้ยวเหมือนเดิม)
First, took a train from Zurich HB to Bern. And changed to a second train from Bern to Interlaken.
[You can use the application Rail Planner to manage your trip which may show 2-3 trains you need to change, depending on a timetable.]
[You can use the application Rail Planner to manage your trip which may show 2-3 trains you need to change, depending on a timetable.]
และแล้ว สภาพอากาศวันนี้ก็ไม่ผิดไปจากที่คิดจริงๆ ฝนตกเกือบตลอดเส้นทางตั้งแต่ Bern ไปจนถึง Interlaken ค่ะ ก็เลยเกิดอาการกร่อยนิดหน่อย
แต่การที่เราทราบสภาพอากาศล่วงหน้าที่เชื่อถือได้ก็ถือว่าดีมากนะคะ เพราะแม้เราจะเลือกที่จะยกเลิกการเดินทางไม่ได้ แต่เราก็จะได้แพลนถูกว่าควรจะเปลี่ยนไปที่ไหนก่อนหลัง หรือเลี่ยงที่ๆอาจจะอยากไปน้อยที่สุดไว้อันดับสุดท้ายแทน
สำหรับเวบตรวจสอบสภาพอากาศของสวิสที่ถือว่าน่าเชื่อถืออย่างแรงนั้น มีผู้แนะนำให้ใช้
http://meteo.search.ch/ ซึ่งเราสามารถเลือกดูไปได้ถึงมวลอากาศและปริมาณน้ำฝน (rain radar) , จากภาพถ่ายดาวเทียมตลอดทุกชั่วโมง (ดูเหมือนเว่อไปใช่มั้ยคะ แต่ที่จริงแล้วมันมีประโยชน์มากๆในการที่เราจะใช้แพลนว่าควรไปเที่ยวที่นี่กี่โมงถึงกี่โมง แล้วก็ย้ายไปที่ต่อไปตอนกี่โมง เพราะอากาศในยุโรปนี่ค่อนข้างแปรปรวนจริงๆค่ะ ..พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เป็นเว็บไซต์วิ่งหนีฝนค่ะ) ซึ่งทิปทดลองมาแล้วว่ามันช่วยหลบฝนได้จริงๆค่ะ
Recommended website for weather forecast http://meteo.search.ch/
Recommended website for weather forecast http://meteo.search.ch/
เนื่องจากที่พักที่จองไว้อยู่แถวสถานี Interlaken west เราจึงลงที่สถานี Interlaken West ก่อนเพื่อไปเก็บสัมภารกทั้งหมดที่โรงแรม
[ใน Interlaken จะมี 2 สถานี คือ West กับ Ost (หรือ East) ค่ะ ซึ่งที่จริงก็ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ ประมาณ 4 นาทีโดยรถไฟค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าที่พักของเราอยู่ใกล้จุดไหนมากกว่ากันก็ลงอันนั้นค่ะ]
เมื่อแวะเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว ภารกิจพิชิตยอดเขาของเราก็เริ่มต้นอีกครั้ง
โดยวันนี้อากาศดูค่อนข้างชื้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมื่อประเมินสภาพอากาศซึ่งยังคงมีมรสุมเบาๆเข้าทั่วทั้งสวิสอยู่ เราจึงยังไม่ขึ้นยุงเฟราในวันนี้ค่ะ แต่เราจะไปขึ้นยอดเขา Schilthorn ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันแทน
โดยการเดินทางเริ่มจากโรงแรม เดินกลับมาที่สถานีรถไฟ Interlaken West อีกครั้ง เพื่อต่อรถไฟไปลงสถานี Interlaken Ost ก่อน
It took around 2 hours (if you ride IC train) from Zurich to Interlaken. My first destination is Schilthorn
I first went to store my luggages at a hotel near Interlaken West station, and took a train to Interlaken Ost station to change the train to Lauterbrunnen.

แล้วจึงจับรถไฟจาก Interlaken Ost ไปยังสถานี Lauterbrunnen
[ที่ต้องไป Interlaken Ost ก่อนเนื่องจาก Interlaken Ost จะเป็นเหมือนสถานีชุมสายเพื่อต่อรถไฟไปยังเทือกเขาต่างๆในละแวกนี้ค่ะ]
เส้นทางระหว่าง Interlaken ไปยัง Lauterbrunnen ก็จะเคียงข้างไปด้วยหุบเขาและทะเลสาบตลอดสองข้างทาง
เมื่อแวะเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว ภารกิจพิชิตยอดเขาของเราก็เริ่มต้นอีกครั้ง
โดยวันนี้อากาศดูค่อนข้างชื้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมื่อประเมินสภาพอากาศซึ่งยังคงมีมรสุมเบาๆเข้าทั่วทั้งสวิสอยู่ เราจึงยังไม่ขึ้นยุงเฟราในวันนี้ค่ะ แต่เราจะไปขึ้นยอดเขา Schilthorn ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันแทน
โดยการเดินทางเริ่มจากโรงแรม เดินกลับมาที่สถานีรถไฟ Interlaken West อีกครั้ง เพื่อต่อรถไฟไปลงสถานี Interlaken Ost ก่อน
It took around 2 hours (if you ride IC train) from Zurich to Interlaken. My first destination is Schilthorn
I first went to store my luggages at a hotel near Interlaken West station, and took a train to Interlaken Ost station to change the train to Lauterbrunnen.

แล้วจึงจับรถไฟจาก Interlaken Ost ไปยังสถานี Lauterbrunnen
[ที่ต้องไป Interlaken Ost ก่อนเนื่องจาก Interlaken Ost จะเป็นเหมือนสถานีชุมสายเพื่อต่อรถไฟไปยังเทือกเขาต่างๆในละแวกนี้ค่ะ]
เส้นทางระหว่าง Interlaken ไปยัง Lauterbrunnen ก็จะเคียงข้างไปด้วยหุบเขาและทะเลสาบตลอดสองข้างทาง
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจาก Interlaken Ost ก็มาถึงสถานี Lauterbrunnen
ฝนก็หยุดตกพอดีเลยค่ะ เย้!
Find the cable car station (Lauterbrunnen-Murren Mountain Railway) outside the Lauterbrunnen train station to Murren.
Free for Swiss Pass holder.
เดินตรงออกจากสถานีมาเล็กน้อย ก็จะเห็นสถานีรถราง BLM (Lauterbrunnen-Murren Mountain Railway) อยู่ทางซ้ายมือ ที่เราจะใช้เป็นบันไดขั้นแรกเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา Schilthorn ค่ะ
สำหรับรถรางซึ่งจะพาเราขึ้นจาก Lauterbrunnen ไปสู่สถานี Murren นั้น สามารถใช้สวิสพาสขึ้นฟรีได้ค่ะ
แต่ถ้าใครไม่มีสวิสพาส ก็สามารถเชคราคาของแต่ละสถานีได้ผ่านเวบไซต์นี้ค่ะ
วันนี้มาควบคุมการขับด้วยตัวเอง
ที่จริง เมื่อก้าวขาขึ้นรถรางมา ก็ถูกเบียดมายืนอยู่หน้าสุดกับคุณลุงคนขับ แต่ก็ดีได้เห็นวิวชัดๆและก็ยังมีเพื่อนคุยด้วยตลอดทาง
คุณลุงก็อธิบายว่า Schilthorn ด้านที่เราเดินทางขึ้นนี้ จะหันหน้าเข้าหาเทือกเขา Jungfrao ทำให้เกือบตลอดทางที่เราผ่าน เราก็จะสามารถเห็น Jungfrao ซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี โผล่ออกมาทักทายสลับกับเทือกเขาสีเขียวของ Schilthorn ในช่วงฤดูร้อน
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงสถานี Murren BLM
เมื่อลงจากรถรางแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปรับชมความงามของ Murren ได้เลยค่ะ
Took 20 mins by a cable rail from Lauterbrunnen BLM station to Murren BLM.
บรรยากาศด้านบนสถานี ฝนเพิ่งหยุดตกพอดีเลยค่ะ วิ่งหนีฝนสำเร็จ!
เมื่อออกมาที่ลานด้านบนซึ่งเป็นส่วนของหมู่บ้าน Murren เราก็ได้เจอกับภูเขาทั้งหิมะและไม่หิมะที่ยืนประจันหน้าอยู่แค่ปลายจมูก (อาจจะเว่อไปนิสนึงค่ะ แหะๆ)
The cable car station to the top (Schilthorn) is located on the other side of Murren village. You need to walk around 15 mins.
ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ มันสวยจนไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายได้ เลยไม่ได้บรรยายค่ะบนลานหน้าสถานี มีโรงแรมตั้งอยู่ ซึ่งจากระเบียงก็คงเห็นวิวเทือกเขาแบบพาโนรามาชัดเจนเต็มสองตาเลยค่ะ
จากสถานีรถราง Murren เราจะต้องต่อกระเช้าขึ้นไปยังยอดเขา Schilthorn
แต่สถานีกระเช้านี้จะอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องเดินผ่านหมู่บ้าน Murren ไปค่ะ
Along the way to the cable car station.
สองข้างทางระหว่างเดินผ่านหมู่บ้าน
ทางซ้ายมือของทางเดินเป็นหุบเขา
มีลานชมวิวเล็กๆ ซึ่งมีวิวที่ไม่เล็กตามลาน
จากสถานีเคเบิ้ลคาร์ Murren ไปถึง Schilthorn จะต้องจ่ายเงินค่าขึ้นแยกต่างหากค่ะ ใช้สวิสพาสขึ้นฟรีไม่ได้ค่ะ
แต่เราก็สามารถใช้สวิสพาสเพื่อเป็นส่วนลดค่าตั๋วได้ 50% ค่ะ เหลือ 38.50 CHF
You will see the cable car station to the top (Schilthorn) at the end of the walkway.
You need to buy a new ticket to the top at the station (77 CHF), 50% off for swiss pass holder (38.50 CHF)
แล้วก็ถึงเวลาทะยานออกสู่โลกกว้างอีกครั้ง
ระหว่างทาง เราจะต้องเปลี่ยนกระเช้าที่สถานี Birg หนึ่งครั้ง แต่ไม่ยุ่งยากค่ะ ไม่ต้องออกจากสถานีค่ะ
Change the cable car at Birg station, to the cable car to Schilthorn (Piz Gloria).
เส้นทางกระเช้าจาก Birg Station to Schilthorn Station (Piz Gloria) in the bright day
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตลอดทางขึ้นกระเช้าช่วงหลังมา หมอกก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไม่เห็นอะไรเลยค่ะ
เมื่อมาถึงสถานี Schilthorn ทิปก็เดินขึ้นบันไดมายังลานชมวิวด้านบนก่อน แต่น่าเสียดายที่ท้องฟ้าปิด มีแต่หมอกเต็มเลย
Arrived at the top of mouth Schilthorn. I first went up to see panoramic view on the helicopter landing platform. Unfortunately, the weather was really not clear!
2,970 metre high with the view of over 200 mountain peaks surrounding.
ก็เลยขึ้นมาทานอาหารกลางวันที่ Piz Gloria ซึ่งเป็นภัตตาคารที่จะหมุนไปเรื่อยขณะที่เรานั่งกินอาหารเพื่อให้เราได้เห็นวิวทั้ง 360 องศาค่ะ
ราคาอาหารก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ค่ะ อาจจะแพงกว่าภาคพื้นดินนิดหน่อย ต้องถือว่าอาหารเดินทางมาเหนื่อยค่ะ อย่างจานที่ทิปกินก็ตกประมาณ 10-20 CHF/dish ค่ะ มี salad ชามเล็กอีก ประมาณ 6 CHF, dessert 5-10 CHF.
๋Lunch at 007 restaurant, which is the 360'revolving restaurant on the top of Schilthorn.
ไอศครีมรส Egg Liqueur
Egg Liqueur เป็นเหมือนเครื่องดื่มชนิดหนึ่งของเยอรมัน มีส่วนประกอบสำคัญมาจากไข่ ซึ่งมักจะเสริฟกันในวันคริสมาส หรืออีสเทอร์ อาจกินกับไอศครีมวานิลลากับวิปครีมก็ได้ค่ะ
อากาศหนาวๆแบบนี้ต้องกินไอศครีมเข้าไปข่มค่ะ
The restaurant slowly turned with a view of white panoramic scene.
What I expected to see.....
ยิ่งตอนบ่าย หมอกก็ไม่มีทีท่าที่จะลดน้อยลง
ในวันฟ้าใสเราก็จะสามารถมองเห็นยอดเขาได้ถึงสองร้อยกว่ายอดซึ่งรวมถึง Jungfrao และ Titlis ด้วยค่ะ
พอเห็นแบบนี้ เราก็เลยเดินไปชม Bond's Hall ดีกว่า
ลืมบอกไปค่ะว่า Piz Gloria ที่เรายืนอยู่นี้เคยใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำหนังแอคชั่นตลอดกาลอย่างเรื่อง James Bond ในปี 1969 ค่ะ (หรือชาติที่แล้วทิปจะเป็นนางเอกภาคนี้)
Piz Gloria was once the main location for 007 movie in 1969.
พาหนะที่ Bond ใช้ไล่ตามคนร้าย เป็นเหมือนสกีไปตามรางค่ะ ซึ่งเค้าจะให้เราไปนั่งและมีฉากให้เราหลบกระสุนและระเบิดจริงค่ะ และก็ตัดต่อเราเข้าไปในฉากจริงๆแทนบอนด์ แล้วก็ขายเป็นmovieส่วนตัวของเราเป็นของที่ระลึกค่ะ ใครอยากเห็นต้องหลังไมค์นะคะ
Then, I took a cable car (the same route) down to Murren Station, and decided to walk from Murren village to Gimmelwald.
วิ่งเล่นรออยู่ข้างบนจนเห็นว่าพี่หมอกคงจะไม่จากไปไหนแน่ๆ ทิปก็เลยตัดสินใจลงเขาดีกว่า
กลับมาขึ้นกระเช้าที่เดิม แต่คราวนี้เราจะนั่งกระเช้าลงไปถึงแค่สถานี Murren แล้วต่อจากนั้นก็จะเดินเท้าลงแทนค่ะ
ระหว่างทางลงกระเช้า
Follow the yellow sign.
เมื่อลงมาถึงสถานี Murren ก็ให้เดินตามป้ายสีเหลืองที่จะชี้ทางไปยัง Gimmelwald ซึ่งจะมีอยู่เป็นระยะๆค่ะ
เดินย้อนกลับมาทางหมู่บ้านเดิม
แอบไปนั่งที่หน้าบ้านเค้า
เราจะเดินลงไปด้านล่างนี้ค่ะ
คนในหมู่บ้านนี้ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลักทั้งเพาะปลูกรวมถึงเลี้ยงสัตว์ด้วย
แต่ก็มีบ้านหลายหลังที่ทำเป็น Home stay ให้นักท่องเที่ยวมาพักได้ค่ะ ใครอยากเรียนรู้วัฒนธรรมและใกล้ชิดกับธรรมชาติที่นี่มากๆก็ลองหาที่พักในหมู่บ้าน Murren ดูนะคะ
บ้านนี้มีสวนกระต่ายอยู่หน้าบ้าน
ขโมยฟืน
ฟืนอยู่ในเป้
ที่เห็นข้างหลังนี้ เป็นไม้ที่สร้างไว้กันหิมะถล่มค่ะ
เดินตามทางลงต่อไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่มีบ้านแล้วแต่มีรถขับขึ้นมาแทน
ทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นหุบเขาสูง มองไปไกลๆก็เห็นคนเล่นพาราชูตด้วยค่ะ
ทางเดินช่วงนี้ก็จะเป็นเหมือนบันไดงูวนไปวนมาแบบนี้ค่ะ ถ้าไม่ติดว่าผอมนะ กลิ้งลงไปแล้ว คริๆ
[Apologized for not updating my blog such a long time. My busy life has come since uni term started again T-T]
เดินลงมาเรื่อยๆ ก็ยังไม่ถึงซักที
อะฮ่าา ในที่สุดเราก็เริ่มเจอบ้านเรือนอีกแล้วค่ะ
บ้านนี้ เปิดเป็นร้านค้าเล็กๆเอาไว้ขายสินค้าท้องถิ่น
A little home-made bakery shop on the way
มียามเฝ้าหน้าร้านเป็นแมว
สวนหน้าบ้านที่เจ้าของตกแต่งเองคล้ายๆป่าหิมพานต์
สินค้าOTOPที่ขายภายในร้านค่ะ ดูๆไปก็คล้ายกับว่าทิปเอาภาพจากทริปเชียงใหม่มาตัดต่อ
มีทั้งชาดอกไม้ แจม คุกกี้ต่างๆ รวมทั้งผ้าถักมือ
เมื่อซื้อแต่ไม่มีตังจ่าย ก็เลยต้องมาแบกฟืนใช้หนี้ค่ะ
After passing a few houses, there will be a path way, on the left, to walk down to a cable station(Gimmelwald).
เดินลงมาเรื่อยๆตามทางเดินเล็กๆ
จากทางเดินเล็กๆ เข้ามาถึงตัวหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของ cable car สถานี Gimmelwald
A cable comes every 30mins all day (until night)
ทางเข้าสถานี จะมีกระเช้าเพื่อลงไปยังภาคพื้นดินทุกๆครึ่งชั่วโมงค่ะ ตั้งแต่เช้าจนถึงดึกเลยค่ะ
A playground near the station
ไหนๆกระเช้าก็ยังไม่มา อากาศก็ดี๊ดี งั้นมาเล่นสไลด์เดอร์วิวภูเขาหิมะข้ามเวลาดีกว่า
Before going down, I stop at the hostel on the right side of the station to try cheese fondue with the breathtaking view.ตอนแรกกะว่าจะลงเขารอบถัดไปเลย แต่มองไปทางด้านขวาของสถานี มีโรงแรม(วิว)แสนสวย เลยอดไม่ได้ที่จะไปนั่งชิมบรรยากาศซักหน่อย
โรงแรมนี้มีเทอเรสสำหรับนั่งกินอาหารที่แสนธรรมดาไม่ได้มีโต๊ะหรูเลิศอะไรเลย
แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ โต๊ะไม้ธรรมดาๆนี้ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมะที่สวยงามตระการตาเลอค่าแก่การนั่งชมมากค่ะ
มาถึงที่นี่ก็ต้องสั่งเมนูประจำท้องถิ่น Cheese fondue
กินชีสร้อนๆ มองหิมะเย็นๆ
เจ้าของร้านแสนสวยและใจดี ที่เปิดร้านให้ทิปนั่งก่อนเวลาเปิดร้านซะอีก
I took a cable car at 5 p.m. (do not buy a new ticket)กินเสร็จประมาณ 5 โมงเย็น ก็เตรียมตัวลงเขาได้
ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่นะคะ ใช้ตั๋วเดิมได้เลย
After arriving at the ground station, take a bus at a bus station, in front of the cable station, to Lauterbrunnen train station. (going back). It takes around 20-30 mins.
เมื่อลงมาถึงด้านล่างแล้ว เราก็จะกลับไปยังที่พักของเราที่ Interlaken โดยเราสามารถขึ้นบัสที่หน้าสถานีได้เลย (มีแค่สายเดียวค่ะ) แล้วไปลงที่ Lauterbrunnen train station ค่ะ
Take a train at Lauterbrunnen station to Interlaken West (my hotel is in West), or Interlaen Ost if your hotel is located there.
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Lauterbrunnen แล้ว ก็ต่อรถไฟกลับ Interlaken West ค่ะ
หรือใครอยากลง Interlaken Ost ก็ได้ ไม่ว่าลงที่ไหน ก็สามารถเดินถึงกันได้ไม่ไกลค่ะ
The street in front of the hotel (2 mins walk from the train station). I kept all my stuffs, and started discovering the town.
เอาของไปเก็บที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานี แล้วอากาศก็ยังดี๊ดี ถึงแม้จะเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ก็เลยออกมาเดินสำรวจเมือง Interlaken ซักหน่อย โดยเริ่มที่เดินกลับมาตั้งต้นที่สถานีรถไฟ และเดินขึ้นไปตามถนนหลักที่ จะผ่านสวนสาธารณะของเมืองค่ะ
Supermarket ของสวิสที่เห็นบ่อยๆก็คือ Migros นี่แหละค่ะ ก็คล้ายๆ M&S ในอังกฤษ หรือ Tesco ที่ไทย
This hotel is located in front of Interlaken West train station.
โรงแรมนี้อยู่ตรงสถานีรถไฟเลย ถนนหน้าสนาถีรถไฟนี้ก็จะเป็นแหล่งร้านอาหาร ร้านขายของ สำหรับนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
Bright day at 7 p.m.
เดินต่อมาเรื่อยๆ เพื่อไปยังสวนสาธารณะ
Amazing Thai flag!
เดินอยู่ดีๆก็มาโผล่ลำปาง ผมนี่งงเลย!
สวนสาธารณะที่นี่ โอบล้อมด้วยเทือกเขา
Walking to the park of the town, there is a hotel named Victoria-Jungfrao. Why do they use this name??
ตรงข้ามสวนสาธารณะ มีโรงแรม Victoria-Jungfrao ที่ตั้งประจันหน้ากับเทือกเขายุงเฟรา
Oh myyyyy, Jungfrao stands at the tip of nose! lol
เธอเห็นยุงเฟรานั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้พรุ่งนี้....
Continuing to the west side of the town to see the lake, I walked pass the Kursaal Casino.
เดินต่อไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ทะลุผ่าน Kursaal Casino เพื่อจะไปเดินเลียบทะเลสาบ
ที่จริงยืนอยู่บนสะพานข้ามทะเลสาบค่ะ...อ้าว ที่จริงไม่มีใครถามเลยเหรอ
ข้ามสะพานมาก็เจอกับ Fitness ของเมืองซึ่งอยู่ติดเขา เพื่อเป็นการไถ่โทษที่เล่นมุกแป้ก ทิปเลยยอมปีนรั้วฟิตเนส เพื่อแอบถ่ายรูปความอลังการภายในมาให้
มีสะพาน และทางเดินเล็กๆเลียบริมทะเลสาปตลอดทาง เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็วนกลับมาที่สถานีรถไฟ ไม่หลงแน่นอนค่ะ
มาดูบ้านคนจริงๆที่เรียงรายอยู่ตามทะเลสาบนะคะ
บ้านสวนกระต่ายอีกแล้ว
หลังติดภูเขา หน้าติดทะเล(สาบ)
อันนี้น่าจะเป็นแฟลตมากกว่า
วันนี้เป็นวันที่เดินทางไกลและใช้เวลาได้คุ้มค่าทุกวินาทีจริงๆ (ที่จริงก็คุ้มมาตลอด แถวๆหมู่บ้านเรียก งก ค่ะ)
นี่ก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ขอจบภาพสุดท้ายของวัน หลังจากเดินวนครบจนมาถึงสถานีรถไฟ ด้วยภาพฉากหลังของภูเขาที่เราจะขึ้นไปพิชิตในวันพรุ่งนี้ Jungfrao
แล้วเจอกันที่ Jungfrao ค่ะ
ปล.ขออภัยที่รีวิวล่าช้าไปบ้างนะคะ เปิดเทอมแล้วเรียนหนักค่ะ hehehehe
It comes to an end of the day. Today is such a long and wonderful day, hope you will enjoy travelling with me more or less.
I took the last shot of the day with my next bucket lists, Jungfrao. See you tomorrow!
No comments:
Post a Comment