Wednesday, 17 December 2014

ลุยหิมะ ชมวัง นั่งรถไฟ ปู๊นๆ [Winter Russia] Ep.1 - St.Petersburg



รัซเซีย..หนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีประวัติศาตร์อันยาวนานที่น่าสนใจ และในปัจจุบันก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งความหลังอันยิ่งใหญ่ไว้ให้เราได้สัมผัส...นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางในครั้งนี้ค่ะ

การเที่ยวรัสเซียด้วยตัวเองนั้น ในสมัยก่อนคงเป็นเรื่องที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่างทั้งรูปแบบประเทศที่ค่อนข้างปิดกั้น ลักษณะผู้คนที่(เค้าว่ากันว่า)อาจดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก รวมถึงอุปสรรคด้านภาษาด้วยค่ะ
แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ทิปว่าการเดินทางไปรัสเซียเองคงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าเรามีการเตรียมตัวและการวางแผนที่ดี รวมถึงเทคโนโลยีและแอพลิเคชั่นต่างๆที่ทำให้การท่องเที่ยวในรัสเซียเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอย่างมากค่ะ

เกริ่นมาตั้งนาน ก็ยังไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะรอดกลับมาหรือไม่ หรือจะต้องกลายเป็นสโนวแมนอยู่ที่รัสเซียตลอดไป ว่าแล้วก็ลองตามมาช่วยลุ้นกันนะคะ

สำหรับการเดินทางไปรัสเซียนั้น เราคนไทยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่น่าประปลาดใจสำหรับคนชาติอื่นมากค่ะ อย่างเช่น เมื่อทิปเดินทางจากอังกฤษไปรัสเซียนั้น ก็มักจะถูกสตาฟที่แอร์พอร์ตถามหาวีซ่าอยู่เสมอ พอทิปบอกว่าเราถือพาสปอร์ตไทยซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่านะ เค้าก็ไม่อยากจะเชื่อและต้องโทรเชคเสมอ และแม้แต่ไปถึง immigration ที่รัสเซียเค้าก็จะถามคำถามเหมือนเดิม เราก็ต้องคอยอธิบายให้ฟังจนอยากจะอัดเสียงไว้เปิดแทน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสตาฟที่แอร์พอร์ตรัสเซียก็ไม่ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ เพราะฉะนั้น..ภาษามือล้วนๆค่ะ!

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ข้อยกเว้นด้านวีซ่านี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีของชาวไทย ซึ่งสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและรัสเซียที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียค่ะ ถ้าเล่าโดยประวัติคร่าวๆแล้ว รัชกาลที่ 5 ทรงเคยเสด็จไปยังประเทศรัสเซียเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และภายหลังจากนั้นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งในเวลานั้นทรงดำรงฐานะพระราชโอรสก็ได้เคยเสด็จมาพำนักในสยามตามคำเชิญของรัชกาลที่ 5 ซึ่งก็ได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างสมพระเกียรติทั้งในฐานะของตัวแทนประเทศและพระสหายค่ะ 
และนี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราได้รับความเกรงใจจากประเทศตะวันตกในช่วงของสงคฃรามโลกด้วยเช่นกันค่ะ

แหะๆ เริ่มกลายเป็นblogประวัติศาสตร์ไปซะแล้ว กลับมาแพคกระเป๋ากันต่อดีกว่า 
ช่วงที่ทิปไปคือระหว่างวันที่ 10-15 December 2014 (5คืน6วันเต็มๆค่ะ) ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาวที่รัสเซียค่ะ ช่วงเริ่มต้นนี้ไม่ใช่แบบบ้านเราที่มีลมเย็นๆอ่อนๆไว้ให้ใส่คาร์ดิแกนเดินสวยๆนะคะ แต่อุณหภูมิช่วงที่ไปนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 0 ถึง -4 องศาและมีหิมะตกบ้างบางเวลาค่ะ ถามว่าหนาวมั้ย ก็หนาวเย็นสบายดีหากเราเตรียมเครื่องแต่งตัวที่เหมาะสมกับสภาพอากาศค่ะ แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอุณหภูมิที่รัสเซียแตกต่างจากอังกฤษในเวลานั้นไม่เกิน 10 องศาทำให้ร่างกายค่อนข้างชินกับสภาพอากาศค่ะ อาจมีหนาวบ้างในช่วงที่มีลมพัดแรงค่ะ

การแต่งตัวที่ทิปว่าพออย่างเหลือเฟือคือ ทิปใส่เสื้อแขนยาวHeattechไว้ข้างในก่อนใส่เสื้อเสวตเทอร์ และทับด้วยเสื้อกั๊กfur แล้วจึงใส่Down coatแบบมีฮูทไว้ด้านนอก
ส่วนกางเกงก็เป็นคล้ายๆเลคกิ้งแต่หนากว่าและมีขนด้านใน ส่วนถุงเท้าก็เป็นheattech และรองเท้าบูทซึ่งถ้ามีขนด้านในก็จะดีมาก และถุงมือค่ะ


เริ่มต้นการเดินทางเหมือนเดิม เราออกจาก Gatwick Airport ที่ลอนดอน แถมเวลาเดิมด้วย 
ที่แต่งตัวไปครบตั้งแต่ยังอยู่ลอนดอนนี่ไม่ใช่เห่อนะคะ คือยังคงงกเหมือนเดิม ไม่อยากโหลดกระเป๋า เลยเอาไปได้แค่กระเป๋าลากไซส์cabinใบเดียวค่ะ ซึ่งใส่เสื้อเสวตเทอร์และชุดนอนก็เต็มแล้วค่ะ 555

ระยะเวลาเดินทางจากอังกฤษไปรัสเซียอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยรัสเซียเวลาเร็วกว่าที่อังกฤษ 3 ชั่วโมง และช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมงค่ะ
เราออกเดินทางจากอังกฤษเวลา 7 โมงเช้าค่ะ
Arrived at Domodedovo Airport (Moscow) at 13.50
และแล้วก็มาถึงสนามบิน Domodedovo ที่กรุง Moscow เวลา 13.50 น. local time ค่ะ 
เมื่อมาถึงประเทศรัสเซีย สิ่งแรกที่มาต้อนรับเราคือคุณสโนว
แหม่ สมกับชื่อทริปจริงๆ

อย่างที่บอกไปว่าแม้แต่ immigration staff ของที่นี่ก็ยังแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะฉะนั้น เตรียมตัวด้านการใช้ภาษามือไปแทนดีกว่าค่ะ แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ทิปก็รู้สึกได้ว่าคนรัสเซียเป็นมิตรมากกว่าที่คิด อาจจะเป็นความโชคดีมากๆๆด้วยรึป่าวก็ไม่ทราบค่ะ แต่ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินคุณลุงคนรัสเซียที่นั่งข้างๆก็พยายามสื่อสารกับเราแม้เค้าจะไม่สามารถพูดอังกฤษได้ พนักงานที่สนามบินด้วย รวมถึงแม่บ้านในห้องน้ำก็ยังปฏิบัติกับเราอย่างดีค่ะ
เมื่อจัดการเรื่อง immigration เสร็จก็เดินออกมาด้านหน้า เพื่อจะไปขึ้นรถไฟ Aeroexpress (ก็เหมือน Airport Link บ้านเรา) เข้าไปในตัวเมืองมอสโควค่ะ

You can buy a SIM card at the airport. I used Megafon 20GB 400Ruble. And you should ask a seller to change a SIM for you because it comes with only Russian language.
หากใครต้องการใช้อินเทอร์เนตเลย ทิปแนะนำว่าให้หาซื้อ SIM card ที่สนามบินก็ได้ค่ะซึ่งเค้าจะมาตั้งบูทบริการอยู่ตามจุดต่างๆ ให้เค้าเปลี่ยนซิมให้เราด้วยเลยสะดวกดี ราคาก็ปกติค่ะ อย่างที่ทิปใช้คือ ของค่ายMegafon 20GB 400Ruble ค่ะ 

The easiest way is to take an Aeroexpress train to downtown. The train station is located on the left of the airport.
เมื่อหันหน้าออกจากสนามบิน สถานีรถไฟAeroexpress จะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เดินไปตามป้ายซักระยะหนึ่่งค่ะ
At an exit door, you will find the ticket machine (They have Eng language).
 400 Rb/single trip.
ก่อนถึงทางออกไปยังสถานีAeroexpress ก็จะเจอตู้จำหน่ายตั๋วรถไฟ
เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ตู้จำหน่ายซึ่งอาจจะง่ายกว่าซื้อกับคนด้วยซ้ำเนื่องจากสามารถเปลี่ยนหน้าจอเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ ราคาก็อยู่ที่ เที่ยวละ 400 Rb/single trip ค่ะ

เมื่อซื้อเสร็จให้เดินต่อมาจนออกมานอกสนามบิน จะเห็นตัวชานชาลาสถานีรถไฟอยู่ทางด้านขวามือค่ะ
Scan your receipt, from the machine, at the entrance.
นำreceiptที่ได้จากตู้จำหน่ายตั๋ว มาสแกนที่ช่องทางเข้า 
รถไฟจะมาทุกๆครึ่งชั่งโมง และใช้เวลาเดินทาง 45 นาทีค่ะ
At a platform, the airport is on the right.
ขณะยืนรอรถไฟ หิมะก็ยังตกอยู่ มองไปทางด้านหลังก็จะเห็นด้านหน้าของตัวสนามบิน
เล่นอยู่กับหิมะประมาณ 10 นาที รถไฟก็มาถึง
The train comes every 30 mins, and it takes 45 mins to Moscow.
รอบนี้เลือกที่นั่งได้ตามสบาย คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ จอดแค่ปลายทางป้ายเดียวไม่ต้องกลัว
สองข้างทางไม่รู้ใครทำเม็ดโฟมตก ขาวโพลนไปหมด
45 นาทีพอดี รถไฟก็มาถึงสถานี แต่หิมะก็ยังไม่หยุดตก
Arrived at Paveletky Rail Terminal. This train station is connected to Metro (Paveletskaya station).
เดินเข้าไปในตัวสถานีซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Metro หรือสถานีรถไฟใต้ดินทางด้านซ้ายมือค่ะ
สัญลักษณ์เมโทรในกรุงมอสโควจะเป็นรูปตัว M แบบนี้ค่ะ
Buy the metro ticket at the metro station, there also has a ticket machine (it's easier for me because I cannot speak Russian!)
 The price is 40 Rb/trip, and you can buy as much as you want (I bought for 10 trips = 400 Rb). You will get only 1 blue card for scanning at an entrance.
The card can be used by more than one person even you come together, for example, the first time you scan, you can let your friend get in first, and you can use the same card scanning at the entrance again for yourself.
ซื้อตั๋วที่ช่องนี้ ซึ่งเหมือนเช่นเคยที่พนักงานขายจะใช้แต่ภาษารัสเซีย เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องใช้ภาษามือแทนค่ะ อย่างไรก็ตาม เราสามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วด้วยเช่นกันค่ะ
โดยค่าตั๋วต่อเที่ยว (ไปลงที่ไหนก็ได้) จะอยู่ที่ 40 Rb ต่อเที่ยว เราก็บอกเค้าไปว่าต้องการกี่เที่ยวค่ะ (ทิปซื้อไปทีเดียว 10 เที่ยวเลยค่ะ) ก็จะได้มาเป็นบัตรกระดาษแข็งสีฟ้าเพียง1ใบเอาไว้สแกนที่เครื่องค่ะ
บัตรที่นี่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือสามารถใช้ร่วมกันได้ เพราะฉะนั้น แม้มีใบเดียวก็อาจใช้วิธีติ๊ดๆให้เพื่อนเดินเข้าไปก่อน แล้วเราค่อยติ๊ดๆอีกทีเพื่อตามเข้าไปค่ะ
One thing you may need to concern for taking metro in Moscow is, there is only Russian language (without Eng sub!) at the stations, and most staffs speak only russian with hand&body language. So, it'd be a good idea to prepare for stations you will go in Russia language.
Alternatively, you can use Yandex.Metro Application, which you can see the stations in both languages, and it can help you plan the way to your destination. 
นี่คือแผนที่ทูปในมอสโควค่ะ สีสันสดใสซาบซ่านละลานตาชวนให้หลงทางเป็นที่สุด
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ภายในเมโทรจะไม่มีการบอกชื่อสถานีต่างๆเป็นภาษาอังกฤษเลยค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆที่ไปถึงเราอาจต้องเผื่อเวลาไว้มากหน่อยเพื่อทำความเคยชินกับการอ่านชื่อเป็นภาษารัสเซีย และอย่าพยายามตั้งความหวังว่าเราจะสามารถถามใครในสถานีได้เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้จริงๆแม้แต่แค่นับเลขค่ะ
แต่เอาเข้าจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปก็จะมีอยู่ไม่กี่สถานีเท่านั้นค่ะ  ถ้าเราพยายามสังเกตุป้ายต่างๆดีๆ เนื่องจากการเปลียนรถจากสายสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่งในบางสถานีอาจต้องเดินเป็นระยะทางช่วงหนึ่ง และการเลือกออกจากสถานีที่ประตูทางออกฝั่งที่ถูกต้องก็อาจช่วยย่นระยะทางการเดินได้เยอะค่ะ

สถานีเมโทรที่เราจะเริ่มต้นเดินทางนี้ชื่อ Paveletskaya (ตามที่วงกลมสีแดงไว้ค่ะ) ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟ Aeroexpress โดยวันนี้ทิปวางแผนที่จะเดินทางต่อไปยังเมือง Saint Petersburg ก่อน 3 วัน แล้วจึงค่อยเดินทางกลับมาเที่ยวมอสโควอีกทีค่ะ

แต่เนื่องจากรอบรถไฟเพื่อไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์กที่จองไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางเป็นเวลา 19.25 จึงยังเหลือเวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมง ทิปก็เลยออกไปเที่ยวเล่นที่ห้างใกล้ๆกับสถานีรถไฟก่อน ซึ่งเราจะต้องนั่งเมโทรสาย 5 (สีน้ำตาล) ขึ้นไปยังสถานี Kurskaya ค่ะ

I plan to go to Saint Petersburg tonight and spend 3 days there, before coming back to Moscow again.
So, I had around 4 hours in Moscow before taking the train I've booked in advance at 19.25.
ที่เห็นนี้ไม่ใช่โบสถ์หรือทางเดินในพระราชวังแต่อย่างใด แต่เป็นplatformในเมโทรค่ะ
ที่จริงแล้วเมโทรของกรุงมอสโควได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกค่ะ วันนี้เลยเอามาให้ชมเป็นออร์เดิฟไปก่อน แต่ทิปยังมี Metro night tour อีกทีซึ่งทิปจะไปเที่ยวชมสถานีทุกสถานีที่เค้าว่ากันว่าสวยงามวิจิตรตระการตา ตอนที่กลับมาเที่ยวที่กรุงมอสโควค่ะ
These pics were not taken from any palace or museum, but at metro stations.
Moscow metro station is rated to be one of the most beautiful metro station of the world.
These are only samples, I will have a metro night tour again after coming back from St Petersburg.
ภายในตัวรถไฟก็จะมีแต่ภาษารัสเซียค่ะ สภาพค่อนข้างเก่าและไม่สวยเท่าไหร่เมื่อเทียบกับตัวplatformค่ะ แต่เมื่อคิดไปแล้วก็น่าทึ่งที่้เค้าสามารถสร้างและใช้งานรถไฟใต้ดินมาถึง 80 ปีแล้วนะคะ
เมื่อออกมาจากสถานีเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง หิมะก็ยังตกอยู่
สำหรับในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวในรัสเซียพระอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ9-10โมงเช้า และตกเวลาประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ

ห้างที่เราจะไปจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานี Kurskaya ค่ะ โดยเราสามารถเดินข้ามสะพานลอยเข้าไปยังตัวห้างได้เลยค่ะ
I took the brown circle line from Paveletskaya station to Kurskaya station. I didn't want to go far from the train station to St petersburg because it's my first time in Moscow, and I felt it's a bit hard for me to travel by tube in Moscow, which is quite complicated at first and I cannot understand the language.

At Kurskaya station, there is a shopping mall called Atrium. First thing I did in Moscow was unexpected shopping! and I got a lot of unexpected items! hahaha
(FYI for girls: I got a lot of perfumes and facial care products at Pnb row shop. It's cheaper than other shops. And you can apply a member card at a counter for 10% more discount.)
ภายในห้างก็เริ่มมีกลิ่นอายแห่งคริสมาสแล้ว
ที่นี่ก็มีแบรนด์ให้เลือกชอปมากมายค่ะ โดยทั่วๆไปก็คือ Zara, Topshop, H&M, Uniqlo, L'occitane
แต่ที่อยากจะแนะนำสุดๆคือ shop ของ Pnb row (เป็นภาษารัสเซีย) ซึ่งขายเครื่องสำอาง ครีม น้ำหอมเกือบทุกแบรนตั้งแต่ L'oreal ไปจนถึง Estee, Chanel, Hermes ค่ะ ประเด็นอยู่ที่ว่าราคาถูกกว่าShopอื่น แต่ทิปว่าน่าจะน่าเชื่อถือเพราะเป็นร้านที่มีสาขาอยู่มากมายตามห้างใหญ่ๆในรัสเซีย และคนซื้อเยอะมากกก ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องขอโทษรัสเซียด้วยที่ทิปจะบอกว่าเป็นโชคดีมากๆอีกแล้วที่เศรษฐกิจรัฐเซียกำลังเข้าสู่ช่วงที่ตกต่ำที่สุดเท่าที่มีมาจึงทำให้ทิปสามารถแลกเงินปอด์นไปเป็นรูเบิลได้ด้วยเรทที่ดีมากๆ ค่ะ คริๆ

เดินชอปสักพักก็ขึ้นมาแวะศูนย์อาหารที่ชั้นบนสุด วันนี้คิดว่าควรกินอะไรง่ายๆก่อนแล้วรีบไปรอที่สถานีรถไฟตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าเราจะต้องเจอปัญหาอะไรอีกบ้าง

กิน KFC ละกันเพื่อนบอกมาว่า chicken wing เค้าอร่อยล้ำ
และแล้วก็ถึงเวลาสนุกอีกแล้วซี เมื่อเวลาสั่งอาหารมาถึง 
กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ทอดไก่เสร็จไป 10 ตัว ฮ่าๆๆ
My first meal in Russia is KFC! (at the food hall on the top floor)
But the taste was great! If someone feel uncomfortable to order chickens with body language, you are welcomed to use my KFC bible. 
แต่หลังจากนี้จะไม่มีคำว่ายากอีกต่อไป เนื่องจากเราจะเก็บใบเสร็จนี้ไว้เป็นคัมภีร์ในการสั่งครั้งหน้า
Chicken wings 16 pieces 309 Rb
Pepsi 80 Rb
Ketchup 19 Rb

หลังจากกินอาหารมื้ออะไรก็ไม่รู้เสร็จ เราก็ออกจากห้างไปยังเมโทรสถานี Komsomol'skaya เพื่อไปรอรถไฟไปยังเซนต์ปีเตอร์เบิร์กต่อไป
Around 18.30, I took the brown line tube to Komsomol'skaya station. (The train station to St Peterburgh is located near this station.)

โดยเมื่อออกมาจากเมโทร ให้เดินออกมาทางด้านหน้า ที่มีถนนใหญ่ ซึ่งจะมองเห็นตึกสวยงามอยู่ฝั่งตรงข้าม (ที่จริงเป็นสถานีรถไฟเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ที่ๆเราจะไปค่ะ)
Exit from Komsomol'skaya station, walk to the front of the station, you will see the main street.
Facing out to the street, Leningradskiy vokzal station, which is the train station to St Peterburg, is the building next to the Metro. 
หันหน้าเข้าถนนใหญ่แล้วเดินไปทางขวามือเพียงช่วงตึกเดียวเราก็จะเจอทางเข้าสถานีรถไฟอยู่ทางขวามือค่ะ เป็นตึกเสาทรงโรมันแบบนี้
 ในเวลาที่มืด มีแต่ภาษารัสเซีย และหิมะที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้การหาสถานีรถไฟที่จะไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์กท่ามกลางสถานีรถไฟทั้ง 5 แห่งที่อยู่ในละแวกเดียวกันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยค่ะ เราเดินลุยหิมะ ผิดแล้วผิดอีก เจ้าหน้าที่ก็พูดแต่ภาษารัสเซียซึ่งฟังไม่เข้าใจเลยว่าจะให้ไปไหน
แต่โชคก็ยังเข้าข้างเราอยู่บ้างที่บังเอิญไปเจอผู้หญิงรัสเซียคนหนึ่งที่กำลังหารถไฟไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเหมือนกัน เมื่อเรายื่นตั๋วที่เป็นภาษารัสเซียให้ดู เธอจึงพาเราเดินไปหาด้วยกัน แม้เธอจะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลยก็ตาม แต่เธอก็พาเราไปส่งจนถึงรถไฟ ขอบคุณจริงๆค่ะ ...spasibo

ในที่สุดเราก็มาถึงที่สถานีรถไฟ Leningradskiy vokzal ทันเวลาด้วยความช่วยเหลือของคนใจดี

รถไฟแบบปกติจะใช้เวลาเดินทางจาก Moscow to St.Petersburgh ประมาณ 8 ชั่วโมงค่ะ
แต่ครั้งนี้ทิปนั่ง hispeed train ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง คือประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงก็ถึง
แต่ราคาก็จะแพงกว่านิดหน่อยค่ะ 

อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการซื้อตู้นอนในรถไฟค่ะ ซึ่งก็จะมีทั้งแบบนอนรวม, 2nd class และ 1st class ค่ะ ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยตามความสบายค่ะ
ส่วนทิปอยากลองทั้งสองแบบ ก็เลยแพลนว่าขาไปลองนั่งhispeed ดูก่อน แล้วขากลับค่อยลองมาสัมผัสตู้นอนอีกทีค่ะ
สามารถเชคเวลา เส้นทาง และราคารถไฟแต่ละแบบhttp://www.russianrailways.com/ได้ผ่านเวบนี้ค่ะ 

Normally, it takes around 8 hours from Moscow to St Petersburg. However, with the high speed train, it takes only 4 hours (with a higher price).
I planned to stay tonight at the hotel in St Peterburg, so I took the high speed train first.
And I will try spending one night on the train on the way back to Moscow.
You can check timetables and prices from http://www.russianrailways.com/
เมื่อขึ้นมาบนรถไฟ เรียกได้ว่ามีแต่คนทำงานกับนักธุรกิจ มีเด็กจ๋อยอยู่กลุ่มเดียว ฮ่าๆๆ
อย่าไปกลัว มาถึงแล้วก็จัดการแขวนเสื้อโคทที่ราวให้เรียบร้อย ที่นั่งค่อนข้างกว้าง ก็นั่งสบายดีค่ะ พอรถแล่นไปสักพักก็จะมีบริการเครื่องดื่มและอาหารมาขายค่ะ



ประมาณห้าทุ่มครึ่งก็มาถึงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เย้!
Arrived at St Petersburg at 23.30

เดินเข้ามาในตัวสถานีรถไฟ Moskovsky เพื่อออกไปนอกตัวสถานี

ทางด้านซ้ายมือจะเป็นห้าง Galeria
 หลังจากนั้นเราจึงเดินไปหาที่พักซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสถานีรถไฟค่ะ
There is a shopping mall called Galeria on the left of the train station.
My hotel is on the street opposite the train station and the Galeria.


ในช่วงที่กำลังเดินหาทางไปอยู่นั้น ก็เกิดเรื่องน่าตื่นเต้นขึ้น เพราะจู่ๆทิปก็รู้สึกเหมือนเป้ที่สะพายหลังโดนกระตุก เมื่อหันไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็น่าจะเป็นโจรตามสถานีรถไฟเดินหลบเข้าไปในซอกประตูสถานี เมื่อทิปยืนมองแล้วชี้ เค้าก็ทำหน้ายิ้มๆแต่ไม่ได้วิ่งหนีไป ทิปก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังจะถูกล้วงกระเป๋าแน่ๆ แต่โจรคงยังไม่ได้อะไรไปมันเลยไม่หนีไปไหน และซุ่มหาเหยื่อรายต่อไป โชคดีที่กระเป๋าค่อนข้างหนาและแข็งแรงเลยไม่ได้โดนขโมยอะไรไปค่ะ

แต่หลังจากนั้นวันต่อมาก็ได้มีโอกาสเจอกลุ่มพี่ๆคนไทยที่บังเอิญไปเที่ยวที่เดียวกัน ซึ่งพี่ๆก็เข้ามาบอกให้ระวังตัวเนื่องจากเมื่อวานพี่ๆเค้าเพิ่งโดนล้วงกระเป๋าเอากล้องไปได้สองตัว มันน่าเสียดายที่รูปภาพทั้งหมดตั้งแต่ตุรกีมารัสเซียของพี่เค้าก็หายไปหมดพร้อมกับกล้องด้วย ซึ่งก็โดนล้วงกระเป๋าที่สถานีรถไฟเหมือนกัน

นี่อาจเป็นเพราะเราประมาทเอง มัวแต่เดินมองนู่นมองนี่และยังงงๆเพราะเพิ่งมาถึง ซึ่งพวกคนร้ายก็จะอาศัยจังหวะนี้เดินปะปนเข้ามากับกลุ่มคนและหาโอกาสขโมยกระเป๋าเรา 
แต่ที่พูดนี้ไม่ได้อยากให้กลัวนะคะ เพราะทิปรู้สึกว่ารัสเซียไม่ได้น่ากลัวเลย พ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานขับรถไม่ค่อยมีการโก่งราคาหรือเอาเปรียบเลย แต่คนไม่ดีก็คงมีปะปนอยู่ทุกที่ทั่วโลก เพียงแค่เราเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้น ถือกระเป๋าดีๆในที่ๆมีความเสี่ยง ช่างสังเกต และคอยมองรอบๆด้าน ก็ไม่มีปัญหานี้อีกเลยค่ะ
ส่วนเงินนั้น ทิปจะแยกส่วนใหญ่เก็บไว้กับตัวเลย โดยเอากระเป๋าเงินแบบที่ห้อยพาดลำตัวของsamsonite (ที่คุณแม่ให้มาตั้งแต่ที่ไทย 555) ห้อยไว้ใต้เสื้อเสวตเทอร์อีกชั้นนึงค่ะ รับรองปลอดภัย (ถ้าเชือกไม่ขาดนะคะ)

-----วันที่หนึ่งของการเดินทางก็จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ-----



---------------------------เช้าวันที่ 2--------------------------
Day 2
วันนี้เรามีโปรแกรมใหญ่ๆคือ ออกไปเที่ยว Peterhof Palace ในช่วงเช้า
แล้วจึงกลับเข้ามาชม Kazan Cathedral และ The Church of the Saviour on Spilled blood ค่ะ

เริ่มต้นออกเดินทางจากที่พัก ซึ่งมองออกไปที่ถนนใหญ่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้าง Galeria
From the hotel, at 9 a.m., you can see the Galeria department store on the other side of the main street.
Cross the main street to the Metro (Ploschad Vosstania station) which is next to the train station.
ขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 9 โมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยค่ะ
เมื่อข้ามถนนไปยังฝั่งสถานีรถไฟ ก็จะเจอทางเข้าเมโทรสถานี Ploschad Vosstania อยู่ข้างๆกันค่ะ 
ซึ่งเราจะเริ่มต้นโดยการนั่งทูป แล้วไปต่อรถตู้เพื่อไปยัง Peterhof Palace ค่ะ
ตั๋วเมโทรของเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจะมาในรูปแบบเหรียญค่ะ ซึ่งใช้หยอดลงไปในช่อง 
1 token = 28 Rb
สามารถซื้อได้ตามจำนวนที่เราต้องการ ทิปซื้อไปเลย 10 เหรียญ 
The metro ticket at St Petersburg is different from Moscow. 
1 token = 28 Rb/trip
This is a St Petersburg metro map. 
My first place today is Peterhof Palace. Start from Ploschad Vosstania station (red line), take a metro to Avtovo station.  
นี่เป็นแผนที่เมโทรของเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ โดยสถานีเมโทรที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟที่เรานั่งมาจากมอสโคว รวมถึงที่พักจะอยู่ที่สถานีที่วงกลมด้วยสีแดงไว้ค่ะ
ลงไปลึกมากกกก

เราจะนั่งสายสีแดงไปลงที่สถานี Avtovo ค่ะ


บรรยากาศภายในรถไฟ เนื่องจากไม่ใช่ช่วงrush hour จึงมีที่ให้นั่งอยู่บ้าง แต่ปกติแล้วคนจะเบียดกันเป็นปลากระป๋องเลยค่ะ
แล้วก็มาถึงสถานี Avtovo

ออกมาหน้าสถานีแล้ว คิวรถตู้สีขาวจะจอดอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ให้เดินลงsubwayเพื่อข้ามไปอีกฝั่งของถนน
Outside Avtovo station, cross the street (by a subway), you will see white vans parked on the street.
Get the white van to Peterhof Palace (55 Rb)

เมื่อข้ามถนนมาก็จะเจอรถตู้จอดรออยู่เต็ม เราก็แค่พูดว่า Peterhof ก็พอค่ะ 555
ค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 55 Rb ค่ะ
นี่มันรถตู้อนุสาวรีย์ชัดๆ มีที่สำหรับยืนด้วยค่ะ แต่รถตู้เค้าจะมีขนาดกว้างและสูงกว่ารถตู้ปกติเล็กน้อยค่ะ

It takes approximately 30 mins, until you see this church on the left side, prepare to get off at the next stop.

นั่งรถมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง จนมองเห็นโบสถ์หลังนี้อยู่ทางด้านซ้ายมือ ก็เตรียมลงที่ป้ายถัดไปได้เลยค่ะ

เมื่อลงจากรถตู้ ก็จะเห็นรั้วของพระราชวังอยู่ทางขวามือค่ะ
พระอาทิตย์ก็ขึ้นพอดี
ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่พระราชวัง Peterhof ได้ ณ บัดนี้ค่ะ
Welcome to Peterhof Palace!


ความยิ่งใหญ่อลังการที่เห็นอยู่นี้ เป็นเพียงเขตสวนด้านหลังของพระราชวังค่ะ เนื่องจากพระราชวัง Peterhof (หรือที่ชาวรัสเซียเรียกว่า ปิเตียร์โก๊ฝ) สามารถเข้าได้จากหลายทางด้วยกัน ซึ่งไม่ว่าเราจะเข้ามาจากทางด้านไหนก็สามารถเดินไปถึงส่วนด้านหน้าทางเข้าวังได้เหมือนกันค่ะ

จากตัวอาคารสีเหลือง เดินอ้อมไปทางซ้ายมือเพื่อไปยังด้านหน้าของวัง
เป๊ะหรือไม่เป๊ะ ให้สวนนงนุชมาตอบนะคะ
แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว จึงไม่หลงเหลือต้นไม้ใบหญ้าที่เคยเขียวขจีสดใสไว้ให้ชมเลยค่ะ
เดินมาถึงด้านหน้าพระราชวัง ซึ่งจะมีสวนน้ำพุที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยในช่วงฤดูร้อนจะมีนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกเพื่อมาชมความสวยงามอลังการของสวนน้ำพุแห่งนี้ค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไปนั้น น้ำได้กลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว จึงไม่สามารถเปิดน้ำพุให้เราชื่นชมได้ค่ะ แต่ถึงกระนั้นความสวยงามของสวนน้ำพุแห่งนี้ก็ไม่ได้ลดลงไปมากเท่าไหร่เลยค่ะ
ลองเดินลงมาชมด้านล่างสวนดูบ้าง...
พระราชวัง Peterhof แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1714 เพื่อให้เป็นพระราชวังในฤดูร้อนค่ะ 
โดยตามประวัติคร่าวๆเท่าที่ทิปเตรียมตัวอ่านก่อนไปนั้น (ที่จริงหนังสือเรียนก็อ่านนะคะ แค่แบ่งเวลามาเตรียมตัวเพื่อการท่องเที่ยวบ้างค่ะ แหะๆ)
 ในช่วงเริ่มต้นของคริสศตวรรษที่ 18 หลังจากที่พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 หรือพระเจ้าปีเตอร์มหาราชซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ ได้ทรงศึกษาแบบอย่างความเจริญจากประเทศตะวันตกต่างๆ ก็ทรงมีพระราชดำริว่า หากรัสเซียมีอาณาเขตที่ติดทะเลซึ่งสามารถติดต่อค้าขายกับต่างชาติได้ก็ย่อมจะทำให้ประเทศทวีความเจริญเพิ่มขึ้นอีก 
พระองค์จึงทรงขยายอาณาเขตพระราชอำนาจออกไปเรื่อยๆจนไปถึงเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กซึ่งมีอาณาบริเวณใกล้กับทะเลบอลติก และตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงจากมอสโควมายังเซนต์ปีเตอร์เบิร์กแห่งนี้
มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆว่า ในเวลานั้นพระองค์ทรงหาทาง
ที่จะสร้างความสมบูรณ์ให้แก่เมืองหลวงแห่งใหม่นี้โดยเร็วและเสียค่าปฏิรูปให้น้อยที่สุด พระองค์จึงทรงประกาศออกไปทั่วกันว่า จะทรงย้ายเมืองหลวงแห่งใหม่ไปอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์กในไม่ช้านี้ และประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปจับจองที่ดินแห่งใหม่นี้ได้ฟรี...เมื่อทราบดังนั้น ประชาชนที่ต้องการเข้าไปอยู่ในเมืองหลวงจึงแห่ไปถมที่ดินปลูกบ้านสร้างอาคารกันยกใหญ่ จนในที่สุดตัวพระองค์เองก็แทบจะไม่ต้องดำเนินการปรับปรุงเมืองใหม่แห่งนี้ด้วยพระองค์เองเลยค่ะ 
หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงเดินทางมาถึงตำแหน่งที่ตั้งพระราชวังแห่งนี้ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆอยู่ห่างจากตัวเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กไปประมาณ 29 กิโลเมตร ทรงเห็นว่าตำแหน่งที่ตั้งนี้มีชัยภูมิที่ดีสามารถมองเห็นภูมิประเทศได้โดยรอบ และยังมีพื้นที่ติดกับอ่าวฟินแลนด์ที่สามารถรับอาคันตุกะเข้ามาเทียบท่าได้โดยสะดวกจากหน้าพระราชวังเลย พระองค์จึงได้เริ่มเสก็ชภาพพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาด้วยพระองค์เองก่อนแล้วจึงเรียกตัวสถาปนิก วิศกวร รวมถึงศิลปินที่มีชื่อเสียงต่างๆมาช่วยกันรังสรรค์พระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาอย่างวิจิตรตระการตา และออกแบบสวนแห่งนี้ตามสไตล์ของVersailles แห่งฝรั่งเศสค่ะ
นี่ทิปโม้มากไปรึป่าวคะ? 555
สรุปว่าไม่มากไปค่ะ เพราะโม้เสร็จ ตั๋วก็มาพอดีเลยค่ะ
ค่าตั๋วราคาปกติอยู่ที่ 550 Rb
แต่ถ้าโชว์บัตรนักเรียนก็จะลดเหลือ 300 Rb ค่ะ
ว่าแล้วก็เข้าไปชมข้างในกันเลยค่ะ

Entrance fee for inside part is 550 Rb
Children/student card 300 Rb
เมื่อเข้ามาด้านใน จัดการซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยก็ต้องไปฝากโค้ทและกระเป๋า รวมถึงใส่slipper ซึ่งเป็นการคลุมเหมือนshower capครอบรองเท้าเราไว้อีกทีเพื่อไม่ให้พื้นพระราชวังสกปรกค่ะ

พร้อมแล้วก็เข้าไปชมดีกว่า
เดินขึ้นบันไดมาด้านบน
บันไดนี้เป็นบันไดหลักที่เชื่อมส่วนหลักๆของพระราชวังนี้ค่ะ มีการออกแบบที่สวยงามหรูหรา เล่นแสงและสีที่ตัดกัน และมีการเพ้นท์เพดานเป็นเรื่องราวของเทพเจ้าบนหมู่เมฆค่ะ
Main stairs
ขอนำตัวอย่างเพียงบางห้องมาให้ชมกันนะคะ
ห้อง Ballroom ช่างหรูหราอลังการงานทองคำ ซึ่งจะติดกระจกบานยาวไว้รอบผนังห้อง 
ในสมัยก่อน ห้องนี้เคยใช้เป็นทั้ง reception, ห้องเต้นรำสวมหน้ากาก รวมถึงจัดงานต่างๆของพระราชวังค่ะ

ห้อง Blue Reception เป็นเหมือนสำนักงานและที่ทำงานของเลขาของพระราชวังค่ะ ใครอยากได้ห้องทำงานแบบนี้บ้างยกมือขึ้น!
The White Dining-Room ห้องอาหารสีขาว
มีที่นั่งสำหรับ 30 คน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาภายหลังโดยพระราชินีแคทเธอรีนที่ 2 ใช้เครื่องแก้วในสไตล์รัสเซียนและโบฮีเมียนค่ะ

The Divan Room ห้องนี้เคยใช้เป็นห้องบรรทมของพระราชินีเอลิซาเบธ ผู้เป็นพระธิดา
ผนังของห้องนี้ทั้งหมดทำด้วยผ้าไหมแท้จากเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการผลิตผ้าไหมจากประเทศฝรั่งเศส แต่ปัจจุบันที่เราเห็นก็เป็นการใช้วัสดุอื่นมาแทนที่ เนื่องจากผ้าไหมแท้นั้นบอบบางและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาแล้วค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ห้องนี้ก็เป็นห้องหนึ่งที่ทิปชอบมากเลยค่ะ

ห้องสุดท้ายที่จะพาไปชมคือ Study room ห้องทรงงานของพระเจ้าปีเตอร์ค่ะ เป็นห้องที่สร้างและแกะสลักจากไม้โอ๊ค และเป็นที่เก็บสะสมของส่วนพระองค์ของพระเจ้าปีเตอร์ด้วยค่ะ เช่น นาฬิกาปลุกที่สร้างถวายโดยช่างชาวเยอรมันที่สามารถมองเห็นกลไกการทำงานภายในได้ค่ะ

เมื่อชมจนครบทุกห้องก็เดินลงบันไดเล็กออกมาด้านนอกอาคารค่ะ
มองไปด้านหลังเป็น The Church Pavilion เป็นสถานที่ที่ไว้สำหรับเข้าไปสักการะบูชา เชื่อมต่อกับตัวอาคารพระราชวังด้วยแกลเลอรี่ค่ะ
นอกจากตัวห้องต่างๆของพระราชวังแล้ว ยังมีสถานที่ต่างๆภายในเขตพระราชวังให้เที่ยวชมอีกมากมาย ซึ่งอยากแนะนำให้ทุกคนมาสัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่นี้ด้วยตัวเองค่ะ
Map for Peterhof Palace
หลังจากเที่ยวชมจนจุใจแล้ว เราก็เดินทางกลับเข้ามาในตัวเมือง โดยจากประตูรั้วทางเข้าเดิม ข้ามถนนไปรอรถตู้ฝั่งตรงข้าม สังเกตุรถตู้ที่มีป้ายว่าไป Metro ติดอยู่ ก็ขึ้นไปได้เลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะไปลงเมโทรไหนเราก็ค่อยนั่งเมโทรกลับเข้าตัวศูนย์กลางเมืองต่ออีกทีอยู่แล้วค่ะ

Take a white van at the bus stop opposite the palace (take the one which passes the metro), to go back to St Petersburg.
ทิปได้มาลงรถตู้ที่สถานีปลายทางของสายสีแดง (Prospekt Veteranov) ค่ะ
I get off the van at Prospekt Veteranov station (last station of the red line). Take a metro to Nevsky Prospekt station, to visit Kazan Cathedral and the Church of the Saviour on Spilled blood.

ต่อไปเราจะไปเที่ยวชมในส่วนตัวเมืองซึ่งมีสถานที่สวยงามมากมายค่ะ
โดยเราจะเริ่มต้นด้วยการไปชม Kazan Cathedral และ The Church of the Saviour on Spilled blood (หรือที่มักเรียกชื่อเล่นว่า โบสถ์หยดเลือด ค่ะ)

เริ่มโดย นั่งเมโทรไปลงสถานี Nevsky Prospekt
 (โดยทิปจะต้องนั่งสายสีแดงไปก่อนแล้วไปเปลี่ยนเป็นสายสีฟ้าที่สถานี Tekhnologichesky Institut แล้วจึงนั่งสีฟ้าไปลงสถานี Nevsky Prospekt)

You will see Kazan Cathedral on the left side of the street.
เมื่อโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน เราก็จะเห็น Kazan Cathedral อยู่ทางซ้ายมือฝั่งตรงข้ามค่ะ
มหาวิหารคาซานแห่งนี้ เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชค่ะ แต่ในสมัยนั้นยังเป็นแค่โบสถ์เล็กๆ จนอีกเกือบร้อยปีต่อมา ในสมัยของพระเจ้าปอด์ลที่ 1 หลังจากเสด็จไปเที่ยวที่กรุงโรม อิตาลีแล้ว ก็ได้นำสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเข้ามาใช้ในการปรับปรุงวิหารแห่งนี้ให้สวยงามและยิ่งใหญ่ขึ้นค่ะ
นอกจากนี้  ยังเป็นอนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงชัยชนะที่มีต่อนโปเลียนแห่งฝรั่งเศสด้วยค่ะ
แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่วิหารแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังก็น่าจะเนื่องมาจากมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่กลางเมือง (ที่จริงน่าจะเรียกว่ากลางสี่แยกเลยก็ได้ค่ะ) จึงทำให้ดูโดดเด่นและเป็นที่สะดุดตาของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาค่ะ

เดินข้ามถนนเล็กๆฝั่งเดียวกับสถานีก็จะเป็นสะพานข้ามคลอง 
ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กนี้มีคลองที่ขุดขึ้นมากมายหลายสาย และยังมีบริการล่องเรือไปตามลำคลองคล้ายๆกับในอิตาลี จนได้รับฉายาว่าเป็น Venice of the North ค่ะ

ที่เห็นอยู่ข้างหลังทิปไกลๆนั่นคือ โบสถ์หยดเลือดที่เรากำลังจะไปเข้าชมค่ะ
แต่ทุกคนรอสักแปบได้มั้ยคะ ท้องร้องมาตั้งแต่ในรถตู้แล้ว ขอแวะไปหาอะไรกินก่อนนะคะ

แค่เดินข้ามคลองและข้ามถนนเล็กๆเส้นถัดไป เราก็จะได้เห็นตึกทรงคลาสสิกแสนสวยตะไคร่น้ำตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าค่ะ
Opposite Kazan Cathedral is Singer Building. There is a bookstore on the ground floor, and cafe on the first floor.
ที่จริงตึกนี้คือ Singer Building เคยเป็นสำนักงานใหญ่ซิงเกอร์ของรัสเซียค่ะ
ที่จริงเค้าก็อยากจะสร้างให้เป็นตึกสูงระฟ้าเหมือน ซิงเกอร์ใน New York แต่เนื่องจากกฎหมายรัสเซียไม่อนุญาตให้สร้างตึกสูงเกิน 22 เมตรในเขตตัวเมือง เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพของเมืองค่ะ ก็เลยกลายเป็นตึกป้อมๆน่ารักๆที่มีโดมแก้วอยู่ด้านบนค่ะ
ปัจจุบันนี้ ชั้นล่างของอาคารเป็นร้านหนังสือเหมือน B2S บ้านเราค่ะ
 เมื่อขึ้นไปสำรวจชั้นสองก็เป็นร้านอาหารและเบเกอรี่ค่ะ หึๆๆเข้าแผนเป๊ะ!

เป็นคาเฟ่ที่น่ารักและดูอบอุ่นมาก
View from the cafe.
แถมมองออกไปข้างนอกก็เห็นวิววิหารคาซานด้วย


ปอเปี๊ยะทอดเหรอออ? ที่จริงเป็นแป้งห่อด้วยเนื้อสับสไตล์รัสเซียนค่ะ
อาหารอร่อยใช้ได้และราคาก็โอเคค่ะ มื้อนี้กินรวมๆไปทั้งโต๊ะก็ประมาณ 1500 Rb ค่ะ

ชาร์จพลังเรียบร้อย ก็เดินออกมาจากตึกซึงเกอร์เลียบคลองไปเรื่อยๆเพื่อไปยังโบสถ์หยดเลือด
Walk along the canal to the church of Saviour on the Spilled Blood
Arrived at the Church of the Saviour on the Spilled Blood!
และแล้วก็มาถึงสถานที่ที่ทิปรอคอย...
The Church of the Savior on Spilled Blood หรือโบสถ์แห่งหยดเลือด
โบถส์หลังนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้า Alexander ที่ 3 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความตายของพระบิดาหรือพระเจ้า Alexander ที่ 2 ซึ่งพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยระเบิดในบริเวณนี้ และสูญเสียเลือดมากจนสิ้นพระทัยในระหว่างที่รอการนำพระองค์กลับเข้าสู่พระราชวังฤดูหนาว..จึงเป็นที่มาของชื่อโบสถ์ค่ะ
ถึงเรื่องราวที่มาของโบสถ์แห่งนี้จะฟังดูเศร้ามากไปหน่อย แต่ความสวยงามภายในนั้นทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นความทรงจำใหม่ที่ตริดตรึงตาของผู้ที่ได้พบเห็นเลยค่ะ
เดี๋ยวจะหาว่าทิปโม้ ลองเข้าไปชมเลยค่ะ

สำหรับค่าเข้าชมราคาปกติ 250 Rb (Entrance fee)
ถ้าแสดงบัตร isic (international student) ราคา 150 Rb ค่ะ

เมื่อเดินเข้ามาในโบสถ์ ความอลังการก็บังเกิด



ภาพตามผนังและเพดานถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูคริสตั้งแต่ก่อนกำเนิดจนถึงภายหลังสิ้นพระชนม์
ส่วนภายในนี้เป็นที่สำหรับการสักการะบูชา


แต่ทราบมั้ยคะว่าภาพตามผนังและเพดานที่เห็นทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภาพเพ้นท์สี
 แต่เป็นการใช้กระเบื้องโมเสกชิ้นเล็กๆมาปะติดปะต่อกัน จนได้ผลงานศิลปะที่งดงามวิจิตรตระการตาขนาดนี้
Amazingly, the ceiling and wall are not paintings, they're made from MOSAIC!

ตรงนี้เป็น canopy (ภาษาไทยน่าจะใช้คำว่า ปะรำ) ที่เคยเป็นจุดที่พระเจ้า Alexander ที่ 2 ทรงสิ้นพระชนม์ค่ะ
ที่จริงแล้ว พื้นโบสถ์ทั้งหมดทำด้วยหินอ่อนที่งดงามค่ะ แต่เค้าคงกลัวว่าอาจเกิดความเสียหายได้ง่าย จึงได้นำพรมมาปูทับไว้แทน คงเหลือแค่ส่วนกลางที่แสดงพื้นหินอ่อนของจริงไว้ค่ะ 
The real floor made from marble.
อันนี้ถ่ายมาจากจอทีวีที่เค้าแสดงภาพพื้นหินอ่อนเดิม ก่อนที่จะมีการปูพรมค่ะ
เมื่อชมความงามด้านในเสร็จเรียบร้อย ออกมาก็มืดซะแล้ว
เดินย้อนเลียบคลองกลับมาทางเดิม
เห็นวิหารคาซานและตึกซิงเกอร์อยู่ข้างหน้า จากสี่แยกนี้ คืนนี้ทิปจะเดินชมไม้ชมเมืองกลับที่พักค่ะ โดยแทนที่จะลงเมโทรจากสถานี Nevskiy prospekt เราก็จะเดินเลียบไปตามถนน Nevsky Prospect แทนค่ะ 
Instead of taking a metro from Nevskiy prospekt station to my hotel (at Ploschad' Vosstaniya station), I walked along Nevsky Prospect street.

หลังจากหิมะตกปรอยๆช่วงบ่ายๆ คืนนี้ฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบายไม่หนาวจนเกินไป
เดินเลยมาอีกนิดนึง ก็เห็นสวนสาธารณะที่มีอนุสาวรีย์ Catherine ที่ 2
Passed Catherine II Monument
สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 ทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์แห่งรัสเซียที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด โดยพระองค์ได้ทรงนำความเจริญรุ่งเรื่องเข้ามาสู่ประเทศด้วยการปฏิรูปรัสเซียให้มีความทันสมัย บำรุงทั้งด้านการศึกษา ศิลปะวัฒนธรรม และแผ่ขยายอาณาเขตของรัสเซียให้กว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น จนถือเป็นยุดทองของจักวรรดิรัสเซียได้เลยค่ะ

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง พระนางไม่ใช่ชาวรัสเซียโดยกำเนิด แต่เป็นชาวเยอรมันที่มาอภิเษกสมรสกับพระเจ้าปีเตอร์ที่ 3 ซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซึ่งพระสวามีของพระนางได้ถูกลอบปลงพระชนม์หลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานโดยพระราชเสาวนีย์ของพระนางเอง และพระนางยังมีฉายาที่ถูกเรียกต่อๆมาว่า พระนางร้อยชู้ ด้วยเช่นกัน

พรุ่งนี้ทิปจะเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังของพระนางซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่และหรูหราที่สุด แล้วเราค่อยมาเม้า..เอ้ย..พูดคุย เกี่ยวกับเรื่องของพระนางกันต่อนะคะ

เดินตรงต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอสะพาน Anichkov ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Fontanka 
ดูนิ่งสงบและสวยงามจริงๆ แต่ขอไม่โดดลงไปนะคะ หัวอาจแตกได้
Cross Fontanka river by Anichkov bridge.
ที่มุมสะพานมีรูปก้น..เอ้ย..ม้ากับคนค่ะ



Until you see the roundabout, turn right to Ligovsky street, the train station and the Galeria are located on this street.
เดินตรงต่อมาจนถึงวงเวียน ก็ให้เลี้ยวไปทางขวา ก็จะเป็นถนนหน้าสถานีรถไฟและห้าง Galeria แล้วค่ะ
แวะไปเดินเล่นหาของกินในห้างหน่อยดีกว่า



I had dinner at the Galeria before going back to sleep!
แล้วภารกิจของวันที่ 2 ก็จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ
พรุ่งนี้ เราก็จะยังสถิตอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์กต่อไปค่ะ ส่วนจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง รอติดตามชมนะคะ

5 comments:

  1. Fanclub น่าจะเยอะนะนี่ 555 ^ ^

    ReplyDelete
    Replies
    1. 555 สนใจสมัครด้วยมั้ยคะ

      Delete
  2. ขอบคุณสําหรับข้อมูลครับ กําลังวางแผนจะไปเมษา 59 ครับ แต่ผมจะไปลงที่ St.Peter แล้วนั่งรถไฟด่วนแบบคุณทิปไปลงที่ Moscow แล้วบินกลับไทยจาก Moscow เลย เรื่องรถไฟคุณทิปจองเว็บไหน มีอะไรแนะนําไหมครับ :)

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอโทษที่ตอบช้านะคะ
      ตอนจองรถไฟในรัสเซีย ทิปจองผ่านเวบเอเจ่นค่ะ www.russiantrains.com ค่ะ ที่จริงตอนนั้นลองเชคเปรียบเทียบอยู่ 2-3 เวบในอินเทอเนตค่ะ แต่ราคาเท่าๆกัน ค่ะ
      สำหรับรถไฟด่วนนั่งของ Sapsan นั่งสบาย ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.ค่ะ

      Delete
  3. หูยย เก่งมาก น่าไปตามรอย /ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล

    ReplyDelete

Total Pageviews

39961