Monday, 22 December 2014

ลุยหิมะ ชมวัง นั่งรถไฟ ปู๊นๆ [Winter Russia] Ep.2 - St.Petersburg-2


เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง 
วันนี้เราก็ยังจะปักหลักอยู่ที่เมืองกรุงเก่าเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ
สำหรับโปรแกรมเด็ดๆวันนี้ก็คือ ทิปจะไปเยี่ยมชม Catherine Palace หรือพระราชวังของพระนางแคทเธอรีนที่เมื่อวานนี้เราเห็นอนุสาวรีย์ตั้งอยู่กลางเมืองค่ะ แล้วในช่วงบ่ายเราก็จะไป Smolny Cathedral ค่ะ

My plan today is to visit Catherine Palace first, and go back to Smolny Cathedral in the evening.
First, I took a metro from Ploschad Station (my hotel) to Moskovskaya station (blue line). And we need to take a bus near the station to the palace.

การเดินทางไปยัง Catherine Palace นั้น เราจะต้องนั่งเมโทรแล้วไปต่อรถบัสหรือรถตู้ เนื่องจากตัวพระราชวังจะสร้างห่างออกไปจากศูนย์กลางของเมืองเล็กน้อยค่ะ 
โดยเราจะเริ่มต้นด้วยการนั่งทูปไปลงที่สถานี Moskovskaya เพื่อไปต่อบัสแถวๆนั้นค่ะ
(สำหรับทิป ขึ้นเมโทรสายสีแดงที่สถานี Ploschad Vosstania เพื่อไปเปลี่ยนเป็นสายสีฟ้าที่สถานี Tekhnologichesky Institut, แล้วจึงนั่งสายสีฟ้าไปลงที่สถานี Moskovskaya ค่ะ)

เมื่อถึงสถานี Moskovskaya แล้ว ก่อนที่เราจะไปขึ้นบัสต่อไป 
ก็ขอไปเดินเล่นรอบๆนี้ดูก่อนนะคะ เห็นเค้าว่ามีโบสถ์น่ารักๆอยู่แถวนี้ชื่อ Chesma Cathedral
Arrived at Moskovskaya station, before taking a bus to the palace, I walk to Chesma Cathedral which located only 15 minutes walk from the station.
โดยเมื่อขึ้นมาจากสถานีเมโทร Moskovskaya แล้ว จะมองเห็นถนนใหญ่อยู่เบื้องหน้า (ถนน Moskovsky Ave) 
เมื่อหันมาด้านหลังจะเป็นทางเข้าสวนสาธารณะ ให้เดินตรงตัดเข้าไปตามทางซึ่งเป็นเส้นทะแยงมุมของสวนสาธารณะรูปสี่เหลี่ยมนี้ เพื่อไปออกที่มุมด้านตรงข้ามกับที่เราเข้ามาค่ะ

Walk along a diagonal of the park to Aviatsionnaya street. Until you meet the first junction, turn left to Lensoveta street. You will see the cute pink church on the right.
กลัวจะงง เอาแผนที่คร่าวๆมาให้ดูค่ะ เริ่มจากจุดแดงล่างสุด เดินไปตามเส้นประสีฟ้าจนถึงตัวโบสถ์ค่ะ

เมื่อเดินตัดสวนสาธารณะมาออกอีกด้านก็จะเจอสี่แยกแบบนี้ค่ะ ให้ข้ามทางม้าลายด้านขวามือในรูป แล้วเดินตามถนนไปเรื่อยๆค่ะ
อ้อ..ลืมบอกไปว่า ป้ายจราจรที่เป็นรูปคนข้ามถนนโดยมีกรอบสีเหลืองอยู่นั้น ก็จะมีความหมายคล้ายๆกับเสาโคมเหลืองในอังกฤษค่ะ  ซึ่งหมายความว่า รถจะต้องหยุดให้คนข้ามก่อนเสมอ ถ้ารถไม่หยุดแล้วชนคน รถจะต้องรับผิดค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าเราเห็นป้ายแบบนี้ก็แปลว่าเราสามารถข้ามได้เลยค่ะ (แต่เอาจริงๆดูรถหน่อยก็ดีค่ะ) 
เดินตรงมาเรื่อยๆตามถนนจนเจอสี่แยกไฟแดง ก็เลี้ยวซ้าย

เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแล้ว เดินตรงต่อมาอีกนิดเดียว ก็จะมองเห็นสีชมพูมาแต่ไกลเลยค่ะ
เมื่อเข้ามาดูใกล้ก็ยิ่งน่ารักฟรุ้งฟร้าวมะพร้าวแก้วมากเลยค่ะ
แต่ทิปไม่ได้เข้าไปข้างในนะคะ เพราะเห็นมีคนเดินเข้าออกตลอด น่าจะกำลังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจค่ะ

หลังจากนั้น ก็เดินกลับมาทางเดิมเพื่อมาหาบัสไป Catherine Palace กันต่อค่ะ
ตรงหน้าสถานี Moskovskaya นี้เอง เราจะได้เห็นลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่ตั้งอนุสาวรีย์ของ Vladimir Lenin ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาตร์ของรัสเซีย...ใครยังจำได้ ตอบคุณครูมาซิคะ?
Going back to the metro station, there is the Lenin Monument on the left side.
โอเค คืนคุณครูมาหมดแล้วตั้งแต่สอบเสร็จใช่มั้ยคะ....
...ในช่วงเริ่มต้นของคริสศตวรรษที่ 20 หรือเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว โซเวียตอยู่ในช่วงที่ระส่ำระสาย ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น ทั้งที่ภายในราชสำนักมีความเป็นอยู่อย่างหรูหราและสุขสบาย ในที่สุดเมื่อชนชั้นล่างได้รับความกดดันอย่างหนักจนทนไม่ไหวอีกต่อไป 
 วลาดิเมียร์ เลนิน ได้ตั้งตนเป็นผู้นำคนสำคัญในการปลุกระดมผู้คนและทำการปฏิวัติล้มล้างระบอบกษัตริย์ โดยทำการสำเร็จโทษพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (ถ้าทุกคนยังพอจำได้ พระองค์ก็คือพระสหายแห่งรัชกาลที่ 5 นั่นเอง) และเชื้อพระวงศ์โรมานอฟทั้งหมดในปี ค.ศ.1918 แล้วนำประเทศเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมภายใต้ชื่อ สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต และกลายมาเป็นนายกรัฐมันตรีคนแรกค่ะ
เป็นท่าโพสที่เท่มาก ที่จริงท่านถือไม้เซลฟี่อยู่ค่ะ
โอเค ก่อนที่อาจจะต้องถูกนำตัวไปปรับทัศนคติ เราไปหาคิวรถบัสต่อดีกว่า
Behind the Lenin monument, there is a bus station in front of this building. Take a bus no. 342 or 545   to Tsarskoye Selo (Catherine Palace) 35 Rb
เดินมาด้านหลังของอนุสาวรีย์เลนิน เราก็จะเห็นมินิบัสสีขาว หรืออาจจะเป็นรถตู้บิ๊กไซส์ก็ได้ค่ะ จอดเรียงอยู่ที่หน้าอาคารเต็มไปหมด สายที่ไปถึง Catherine Palace แน่ๆเท่าที่ทิปทราบคือสาย 342 กับ 545 ค่ะ หรือถ้าจะเรียกเป็นสถานที่ๆเราจะไปแล้ว ก็จะอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า Tsarskoye Selo ค่ะ ขึ้นไปเรยยย 
 ค่าโดยสาร 35 Rb ขาดตัวค่ะ

ทิปนั่งสาย 545 ค่ะ นั่งมาซักประมาณครึ่งชั่วโมง จนเห็นโบสถ์ทรงหัวหอมสีทองนี้ ก็เตรียมลงได้
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กล้อง แต่อยู่ที่กระจกรถ...ล้างบ้างนะคะพี่
It takes approximately 30 minutes, until you see this golden onion-shape church on the right hand side, prepare to get off the bus.
แล้วก็ลงที่ป้ายนี้ค่ะ
Get off at this stop, and turn right to the palace.
จากป้ายรถบัส มองไปข้างหน้าก็จะเป็นทางบังคับเลี้ยวขวาหรือซ้าย ให้เราเดินเลี้ยวขวาเลียบคลองไปเลยค่ะ
อุ๊ปส์...คลองกลายเป็นน้ำแข็ง!
เดินเลียบคลองน้ำแข็งหลอดต่อมาเรื่อยๆก็จะเห็นทางเข้าพระราชวังอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
Catherine Palace
เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอสวนหน้าพระราชวัง อาจจะดูไม่สดใสเท่าไหร่ในช่วงฤดูหนาวนะคะ เนื่องจากเดิมที พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ ผู้บุกเบิกนครหลวงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
ได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเพื่อพระราชทานให้แก่พระมเหสีแคทเธอรีนที่ 1 ในช่วงปี ค.ศ. 1724 เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อนค่ะ 
ต่อมา พระราชวังแห่งนี้จึงตกทอดมาสู่พระราชธิดาเอลิซาเบธ 
และได้มีการออกแบบและต่อเติมครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อให้ยิ่งใหญ่และสวยงามขึ้นอีกในสมัยของพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 ค่ะ
พร้อมที่จะเข้าไปชมด้านในพระราชวังกันรึยังคะ?
มาถึงก็ต้องเข้ามาซื้อตั๋วก่อน
ราคาตั๋วปกติสำหรับเข้าชมภายในวัง 400 Rb (Entrance fee)
ถ้าแสดงบัตรนักเรียนก็จะเหลือ 200 Rb ค่ะ (for children/student card holder)
หลังจากเข้าไปฝากโค้ทและใส่สลิปเปอร์เรียบร้อยก็มาชมกันได้เลย ที่นี่ดีหน่อยที่เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ค่ะ
โถงบันไดทางขึ้น
เจอห้อง Ballroom แสนสวยอีกแล้ว
ถ้าใครเคยดูเรื่อง Anastasia ก็น่าจะจำได้ว่านางเอกมีภาพความทรงจำที่เคยมีงานเต้นรำในห้องนี้สมัยที่ราชวงศ์โรมานอฟโดยพระบิดา (พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2) ยังทรงมีชีวิตอยู่
ตอนแรกทิปก็ว่าจะลองระลึกความหลังดูซักหน่อย แต่เห็นหน้าคุณป้าคนเฝ้าห้องแล้ว ขอไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ
ภาพนี้ถ่ายแบบพาโนรามาค่ะ
สวยงาม ที่จริงคือฮีทเตอร์ค่ะ แต่ในสมัยก่อนก็ไม่ได้ใช้มากนัก เพราะโดยส่วนใหญ่พระราชวังนี้จะใช้เป็นที่พำนักในฤดูร้อนค่ะ
ภาพเพ้นท์บนเพดานห้อง



ความหรูหราอลังการของพระราชวังแคทเธอรีนที่เห็นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุดยุคหนึ่งแห่งจักรวรรดิรัสเซียที่เกิดขึ้นในสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2
หรือที่ในภาษารัสเซียเรียกว่า ซาริน่าแคทเธอรีนที่ 2 ซึ่งหมายถึงกษัตริย์ผู้หญิงค่ะ
ตามที่เกริ่นไว้เมื่อคืนก่อนถึงประวัติอันน่าสนใจของพระนางทั้งเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองและเรื่องส่วนพระองค์ มีเรื่องให้เล่ามากมายจนอยากนัดทุกคนมาจิบน้ำชาคุยกันแทน
แต่ในเมื่อทำไม่ได้เนื่องจากทิปไม่มีเงินบินกลับไปจิบน้ำชาที่ไทยแล้ว ก็เลยจะขอเล่าประวัติคร่าวๆที่พอจะทราบมาให้ฟังกันเพลินๆเป็นเรื่องพอสนุกและมีสาระ(น้อย)นะคะ
ส่วนใครที่ทราบอยู่แล้ว หรือเบื่อการโม้ของทิปแล้วก็สามารถข้ามไปดูภาพถัดไปได้เลยค่ะ แต่ก็อย่าเพิ่งคิดว่าจะหนีพ้นนะคะ เดี๋ยวทิปก็จะตามไปแทรกตัวโม้ตามช่องต่างๆอีกอยู่ดีค่ะ 555

ตามประวัติแล้ว พระนางแคทเธอรีนสมัยทรงพระเยาว์ ทรงเป็นแค่พระธิดาของกษัตริย์แคว้นเล็กๆในเยอรมันซึ่งไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชีวิตที่หรูหราแต่อย่างใดเลยค่ะ แถมตั้งแต่เด็กก็ต้องยอมรับว่าพระนางไม่ได้มีพระสิริโฉมที่งดงามเลยแม้แต่น้อย เอาจริงๆก็อาจเรียกได้ว่าเป็นเจ้าหญิงหางแถวได้เลยค่ะ
ในช่วงเวลานั้น รัสเซียปกครองโดยซาริน่าเอลิซาเบธผู้ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะสงครามมานานหลายปีจนถึงช่วงกลางคริสตวรรษที่ 18 ก็เริ่มคิดได้และอยากจะฟื้นฟูประเทศให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหลังยุติสงคราม จึงได้คิดแผนการอภิเษกสมรสระหว่างแกรนด์ดยุคปีเตอร์ซึ่งเป็นหลานชายของตน กับเจ้าหญิงซักพระองค์จากเยอรมันเพื่อยกสถานะรัสเซียให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ด้วยความที่เยอรมันในสมัยนั้นซึ่งปกครองโดยพระเจ้าเฟเดอริกเรียกได้ว่ามีอานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเมื่อเทียบกับรัสเซีย พระองค์ทรงไม่ได้เห็นความสำคัญของรัสเซียที่กำลังอ่อนแอแม้แต่น้อย แต่เพื่อการรักษาสัมพันธไมตรีไว้ ก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องบาดหมางใจกัน สุดท้ายพระเจ้าเฟเดอริกก็เลยตัดสินพระทัยโบ้ยให้เจ้าหญิงโซเฟีย (ซึ่งเป็นพระนามเดิมของซาริน่าแคทเธอรีน) ไปสมรสกับหลานชายของซาริน่าเอลิซาเบธแทนละกัน

แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกร้ายกับแกรนด์ดัชเชชแคทเธอรีนค่ะ ชีวิตสมรสของพระนางเหมือนฝันร้าย เนื่องจากเจ้าชายปีเตอร์กลับมีอุปนิสัยที่ทรงพระมุ้งมิ้งมาก เอาแต่พระทัยตัวเอง โปรดปรานการเล่นตุ๊กตาทหารกับมหาดเล็ก ถึงกับเอาตุ๊กตามาเล่นบนเตียงบรรทมในช่วงคืนอภิเษกสมรสจนหลับไป ไม่มีความสนพระทัยหรือเอาใจใส่ในแคทเธอรีนแม้แต่น้อย แถมต่อมาก็ยังเอานางสนมมากหน้าหลายตามาฟรุ้งฟริ้งด้วยกันเสมอ 
ส่วนพระนางแคทเธอรีนเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส ก็ทรงทุ่มเทเวลาให้กับการหาความรู้ หมั่นศึกษาภาษารัสเซีย เรื่องการบ้านการเมือง จนเป็นที่โปรดปรานรักใคร่ของซาริน่าเอลิซาเบธ ในขณะที่เจ้าชายปีเตอร์กลับทำตัวเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจบ้านเมือง และเริ่มไม่พอพระทัยที่เห็นเจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงพระปรีชาสามารถและทำได้ดีกว่าตนเองในทุกๆด้าน แล้วแบบนี้จะรักกันได้ยังไง และสุดท้ายแกรนด์ดยุคกับแกรนด์ดัชเชชทั้งสองพระองค์นี้ก็หลงเหลือไว้แต่ความเกลียดชังซึ่งกันและกัน 

แม้จะรักษาความเป็นหญิงพรหมจรรย์ไว้ได้ถึง 8 ปีภายหลังการอภิเษกสมรส ในที่สุดแกรนด์ดัชเชชแคทเธอรีนก็ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกที่มีต่อมหาดเล็กรูปหล่อนายหนึ่งที่ชื่อว่า แซร์แก วาลติดอฟ ได้ และทั้งสองก็ได้ทำเรื่องต้องห้ามจนเป็นขี้ปากของคนในวัง แต่บางคนก็พอเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่พระนางต้องเป็นแบบนี้ ในที่สุด พระนางก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายซึ่งก็กลายมาเป็น แกรนด์ดยุคปอล (Paul) ซึ่งแม้ต่อมาพระนางแคทเธอรีนจะได้ยอมรับว่า ปอล เป็นบุตรที่เกิดจากตนกับวาลติดอฟ แต่ซาริน่าเอลิซาเบธก็ได้นำไปเลี้ยงดูเองในฐานะทายาทสายพระโลหิต ส่วนพ่อของเด็กน่ะหรือ ไปไม่กลับเลยค่ะ...
หลังจากนั้นพระนางแคทเธอรีนก็ทรงมีพระสวามีนู่นนี่นั่นเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะฐานันดรของพระนางที่ช่างดึงดูดเย้ายวนต่อชายทุกคนที่อยากจะขึ้นมาเป็นซาร์คนใหม่แห่งจักรวรรดิรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ซาริน่าเอลิซาเบธเสด็จสวรรคต แกรนด์ดยุคปีเตอร์หลานชายผู้น่ารักมุ้งมิ้งก็ทรงขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อมาแทน แต่คงจะเรียกได้ว่า ซาร์ปีเตอร์ที่ 3 พระองค์นี้ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ยอมรับจากประชาชนมากนัก เนื่องจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่างๆของพระองค์เอง ตั้งแต่ในช่วงงานพระศพของซาริน่าเอลิซาเบธ พระองค์ก็ไม่ได้เข้าร่วมในการไว้ทุกข์หรือแม้แต่จะแต่งชุดดำ แต่กลับจัดงานรื่นเริงอย่างไม่แยแส รวมถึงกิริยาท่าทางการแสดงออกต่างๆที่ดูจะไม่เข้าคุณลักษณะที่ดีของการเป็นกษัตริย์เลย ทั้งการชอบทำท่าทางที่น่าเกลียด ยักพระคิ้วหลิ่วพระตา เสวยเละเทอะ รวมถึงมีพระวาจาที่หยาบคาย และยังฝักใฝ่เยอรมันและพระเจ้าเฟเดอริกจนถึงขั้นที่ไม่เหลือศักดิ์ศรีแห่งจักวรรดิรัสเซียที่เคยยิ่งใหญ่

สุดท้าย ในปี ค.ศ.1762 ก็เกิดการรัฐประหารขึ้น โดยก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นการกระทำภายใต้พระบัญชาของพระนางแคทเธอรีน และในวันรุ่งขึ้น พระนางเจ้าแคทเธอรีนก็ได้กลายมาเป็น ซาริน่าแคทเธอรีนที่ 2 แห่งจักรวรรดิรัสเซียอย่างสมบูรณ์ค่ะ

ฉลองพระองค์แห่งสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีนมหาราช

มาถึงห้องไฮไลท์เด็ดแห่งวังนี้...Amber room หรือห้องอำพัน
(ภาพนี้เป็นภาพที่ทิปเอามาจาก wikipedia ค่ะ เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายรูปห้องนี้ค่ะ)
...เป็นห้องที่ทำมาจากอำพันทั้งห้อง และประดับด้วยทองคำเปลวและกระจก ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลกเลยค่ะ

ถ้าพูดกันจริงๆแล้ว ห้องอำพันจริงๆนั้นถูกสร้างขึ้นครั้งแรกที่พระราชวังชาร์ลอตต์เตนบวร์ก ในปรัสเซียค่ะ แต่เนื่องจากซาร์ปีเตอร์มหาราชได้ไปเห็นและพอพระทัยเป็นอย่างมาก กษัตริย์แห่งปรัสเซียในสมัยนั้นจึงทรงถวายห้องอำพันดังกล่าวให้แก่ซาร์ปีเตอร์มหาราช
ต่อมา ในสมัยของซาริน่าเอลิซาเบธ จึงได้ย้ายห้องอำพันดังกล่าวมาไว้ที่พระราชวังแคทเธอรีน โดยใช้อำพันถึง 6 ตัน

ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพนาซีของเยอรมันบุกโซเวียต ในครั้งนั้น โซเวียตพยายามที่จะย้ายทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดหนีจากการถูกทำลายโดยนาซี รวมถึงห้องอำพันแห่งนี้ด้วย แต่ทว่า เนื่องจากอำพันนั้นเปราะบางมากค่ะ เมื่อบวกกับว่าสัมผัสกับอากาศมานานมากแล้ว เมื่อพยายามจะแกะออกมา อำพันก็จะสลายกลายเป็นผง ผลสุดท้ายโซเวียตจึงต้องเลิกล้มความพยายามที่จะแกะอำพันออก และเปลี่ยนเป็นใช้วิชาพรางตัวอำพัน โดยเอาวอลเปเปอร์มาทำเนียนปิดทับผนังอำพันทั้งหมดนี้แทนค่ะ
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่พ้นสายตาของทหารนาซี ห้องอำพันแห่งนี้จึงถูกแกะออกไปได้สำเร็จด้วยผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน และนำกลับไปตั้งแสดงที่พระราชวังเคอนิกสบวร์ก ที่ปรัสเซียแทนในปี 1941 ค่ะ
ยังค่ะ เรื่องราวชิงรักหักอำพันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในไม่กี่ปีภายหลังจากการบุกรัสเซียของกองทัพนาซี ทหารโซเวียตก็ได้บุกเข้าไปในเยอรมันบ้าง ซึ่งทำให้ฮิตเลอร์ต้องรีบสั่งการให้เอาของมีค่าทั้งหมดไปซ่อน
และนับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครได้เห็นห้องอำพันนั้นอีกเลย...

ใช่แล้วค่ะ เพราะฉะนั้น ห้องอำพันที่เราเห็นอยู่นี้ จึงเป็นการบูรณะขึ้นใหม่โดยอิงจากภาพของห้องอำพันเก่าสีขาวดำที่ยังหลงเหลืออยู่ ด้วยการร่วมทุนของบริษัทพลังงานในเยอรมันค่ะ และเพิ่งจะแล้วเสร็จในปี 2003 เพื่อเฉลิมฉลอง 300 ปีเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ 

ส่วนห้องอำพันจริงๆนั้น ก็คงเหมือนสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆของโลก (รวมถึงสิ่งอื่นๆบนโลกที่ไม่มหัศจรรย์ด้วย) ที่ยังคงเป็นปริศนาให้มนุษย์ต้องหาคำตอบกันต่อไปว่าเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ หรือดับไป ได้อย่างไร...

ตัดภาพกลับมาที่ห้องส่งค่ะ!



ห้องต่างๆในพระราชวังที่มีกว่า 500 ห้องเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินยาวไปจนสุดสายตาจากปีกซ้ายไปยังปีกขวา 

ห้องสรงน้ำและแต่งพระองค์

แม้ชีวิตส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรัก จะทรงมีพระสีสันคัลเลอร์ฟูลอยู่มาก
 แต่ในแง่มุมของการปกครองประเทศนั้น ต้องถือว่าท่านทรงเป็นจักรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิรัสเซีย 
ทรงเจริญรอยตามซาร์ปีเตอร์มหาราช (พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1) ในการสร้างความยิ่งใหญ่และเข้มแข็งให้แก่จักรวรรดิและกองทัพรัสเซีย ทรงทำสงครามและมีชัยเหนือเยอรมันได้ในที่สุด จนเป็นที่เล่าขานว่า พระเจ้าเฟเดอริก ซึ่งเคยเป็นโจทก์เก่าผู้ส่งตัวแคทเธอรีนให้ต้องมาเผชิญชะตาชีวิตลิขิตเองนี้ ถึงกับต้องตรอมใจตายจากการแพ้สงครามกับพระนางเลยค่ะ
นอกจากนี้ ซาริน่าแคทเธอรีนยังส่งเสริมและพัฒนาระบบภายในของรัสเซีย ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข และด้านต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้ากลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจในยุโรป จนได้รับการขนานนามให้เป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนมหาราช ค่ะ



ขอนำภาพห้องต่างๆภายในพระราชวังมาให้ชมเพียงเท่านี้นะคะ
ต้องบอกเลยว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่สวยงามตระการที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยังเป็นที่รวบรวมผลงานอันเลอค่าของศิลปินต่างๆไว้มากมายหลายยุคเลยนะคะ

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ยังล่มสลายได้ นับประสาอะไรกับพระราชวังแคทเธอรีนแห่งนี้
เมื่อกาลอวสานแห่งราชวงศ์โรมานอฟมาถึง ซาร์นิโคลัสที่ 2 กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งโรมานอฟและผู้สืบทอดพระราชวังแห่งนี้ก็มีอันต้องจบชีวิตลงไปพร้อมกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 
และพระราชวังแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายเสียหายอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพนาซี ก่อนที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งจนเป็นเหมือนเช่นทุกวันนี้ค่ะ

ก็ขอจบคลาสประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับคนที่อ่านเยอะจนปวดตา พอดีประวัติเค้าเยอะจริงๆอ่ะค่ะ อยากให้ทุกคนได้อินกับภาพที่ทิปถ่ายทอดออกมาด้วย ที่จริงยังมีเรื่องให้เม้าต่อได้อีกเยอะเลยค่ะ แต่นิ้วก็เริ่มล็อคแล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าใครอยากฟังต่อติดต่อหลังไมค์ ขอเป็นร้านไอติมนะคะ ;p

การเดินทางของวันนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะ แต่ทิปสัญญาว่าจะพาไปดูแบบเงียบๆ และไม่บ่นอะไรแล้วค่ะ 
ก่อนจะเดินทางไปยังเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือ Smolny Cathedral ลองเดินเล่นๆในเขต Pushkin นี้ดูดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนุกให้เล่นบ้าง
ก่อนจะกลับ ก็ถูกใช้ให้ทำงานเฉยเลย
Before going back to St petersburg, I took a walk in Tsarskoye Selo.
เมื่อเดินออกมาจากตัวพระราชวังแล้ว ก็ข้ามทางม้าลายมายังฝั่งตรงข้ามซึ่งจะมีตลาดนัดขายของที่ระลึกอยู่ค่ะ
เดินชมทุกอย่างแต่ไม่ซื้อค่ะ
เดินจนสุดถนนที่มีคาเฟ่สีเขียวหลังนี้อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วจึงเลี้ยวขวาเดินลงไป
เดินลงมาไม่ไกลจนเจอสี่แยกแรกก็เลี้ยวซ้ายค่ะ
Walked down to Leontyevskaya steet (the street where I get off the bus at the end)
เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอถนนเส้นนี้ เดินตรงไปเรื่อยๆเลยค่ะ
เดินมาไม่ไกล ก็จะเจอสี่แยก ซึ่งเราจะเห็นโบสถ์ทรงหัวหอมสีทอง ที่เราผ่านตอนนั่งบัสมาพระราชวัง อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนค่ะ
Walk until you see the golden onion church in the park.
เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะเล็กๆกลางสี่แยกค่ะ
 เมื่อหันหน้าเข้าหาโบสถ์ ทางขวามือฝั่งตรงข้ามจะมีห้างโบราณ ที่จริงจะเรียกห้างก็ไม่เชิง เพราะเป็นแค่ร้านค้ามารวมกันเฉยๆ ขายของทั่วไปสำหรับคนในท้องที่ค่ะ...แต่นี่แหละ คือสิ่งที่เราต้องการ!
There is a market on the opposite side of the park, let's discover!

เดินข้ามไปลุยเรยยค่ะ
โอ้ว...ครั้งหน้าอาจต้องเตรียมหมวกนิรภัยมาด้วย
ร้านก็ดูแปลกตาดี เหมือนในต่างจังหวัดบ้านเรามั้งคะ เช่น มีบาร์เบอร์ กลอเซอรี่ ร้านขายขนมและอุปกรณ์โทรศัพท์ ที่น่าสนุกคือ ทิปไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยซักคนค่ะ 
เดินตรงมาเรื่อยๆก็เห็นรั้วทางเข้าไปไหนไม่ทราบ เปิดแง้มๆไว้อยู่
ด้วยความที่ทิปไม่ใช่คนที่อยากรู้อยากเห็นเท่าไหร่ ก็ขอลองมุดเข้าไปดูด้านในหน่อยแล้วกัน
Inside the building, there is a marketplace!
ว้าว ข้างในห้างโบราณแห่งนี้ เป็นเหมือนลานตลาดนัดของคนในชุมชน ดูน่ารักจริงใจแบบบ้านๆดีค่ะ


ของกระจุ๊กกระจิ๊กก็มี

มีร้านเบเกอรี่น่ารักๆด้วย ต้องไปลอง...
Stop at the lovely cafe.
บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นมากก ลูกค้าก็มากกกตามไปด้วยค่ะ
ราคาก็น่ารักมากค่ะ คงเป็นเพราะขายคนในชุมชนกันเอง

ได้มาแล้ว ก็มานั่งชิลมองบรรยากาศตลาดนัดกันซักหน่อย
กินจนอิ่ม ก็ออกไปเดินสำรวจต่อค่ะ
มาเจอร้านอะไรไม่รู้คนต่อคิวยาวเลยค่ะ
ว่าแล้วก็ต้องไปต่อคิวกับเค้าด้วยตามสไตล์
อ๋อออ เค้าขายนมสดจากฟาร์มค่ะ ไม่รู้ทำไมคนซื้อเยอะมาก โดยลูกค้าเค้าก็จะเอาขวดพลาสติกเปล่ามากันเอง แล้วก็มารองนมจากตู้ค่ะ
หวาาา แต่ทิปไม่ได้เอาขวดมาด้วยสิคะ
ตอนต่อคิวเนี่ย เหมือนตัวประหลาดเลยค่ะ คุณปู่คุณย่าที่ต่อคิวรอเค้าก็คงสงสัยว่าเรามาอยู่ตรงนี้ได้ไง 555
เมื่อถึงคิว ก็เป็นไปตามคาดค่ะ เจอภาษารัสเซียสาดใส่ แต่พอแม่ค้าเค้ารู้ว่าเราพูดรัสเซียไม่ได้ เค้าก็น่ารักค่ะ ชี้ให้เราดูป้าย ดูราคา แล้วทิปก็เลยลองซื้อนมสดกับโยเกิร์ตมาลองค่ะ ก็อร่อยดีค่ะ ได้บรรยากาศแปลกใหม่

เดินเข้าไปดูในตลาดของสดฟู้ดแลนด์บ้าง (ทิปตั้งชื่อเองนะคะ)



ไก่นิวเยียร์!
เป็นโซนเล็กๆ เดินอย่างเดียว ไม่ได้ซื้อค่ะ ไม่นิยมกินไก่สด 
หลังจากนั้นก็เดินทะลุมาออกอีกประตูของฟู้ดแลนด์ค่ะ
ข้ามถนนมาอีกฝั่ง เพื่อหาป้ายบัสกลับเข้าเมืองค่ะ
เดินเลียบมาตามถนนเดิมกับที่นั่งบัสขามา โดยฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นด้านหนึ่งของสวนสาธารณะที่มีโบสถ์ทรงหัวหอมสีทอง ก็ขึ้นบัสสายเดิม 545 กลับเข้าเมือง โดยไปลงที่หน้าลานอนุสาวรีย์เลนินเหมือนเดิมค่ะ
Then, take a bus no.545 back to Moskovskaya station
ผ่านวงเวียนนี้ ก็เตรียมตัวลงได้ค่ะ

แล้วก็เดินไปขึ้นเมโทรที่สถานี Moskovskaya เหมือนเดิม
ต่อไปเราจะเดินทางไปยัง Smolny Cathedral โดยนั่งเมโทรไปลงที่สถานี Chernyshevskaya สีแดงค่ะ
Next station is Smolny Cathedral, I took the metro to Chernyshevskaya station (red line)


เมื่อออกมาหน้าสถานี Chernyshevskaya แล้ว เราจะต้องเดินต่อไปยัง Smolny Cathedral ค่ะ
From the metro station, we need to walk around 20-30 minutes to Smolny Cathedral.
จากหน้าสถานี เลี้ยวซ้ายที่สามแยก เดินตรงเข้าสู่ถนน Kirochnayal ul.
I started from the street on the left side of the station (Kirochnayal street)

walk along the park
เดินผ่านสวนสาธารณะ
เดินไปจนเจอสามแยก ก็เลี้ยวซ้ายขึ้นไปตามรั้วสวนสาธารณะเข้าสู่ถนน Tavricheskaya
Until you meet the junction, turn left to Tavricheskaya street.
เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Shpalernaya ulitsa แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆค่ะ
On the Tavricheskaya street, turn right at the third junction to Shpalernaya street.
On the Shpalernaya street.

เจอแล้วววว
That's Smolny Cathedral!




สถานที่แห่งนี้ เรียกว่า Smolny Convent ค่ะ 
เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงามอ่อนหวานด้วยโทนสีฟ้า-ขาว
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนวา ซึ่งอยู่เหนือถนนที่เราเดินมาค่ะ
เดิมทีโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยซาริน่าเอลิซาเบธ พระธิดาของซาร์ปีเตอร์มหาราช
แต่เป็นการสร้างขึ้นในสมัยที่เอลิซาเบธถูกปฏิเสธจากสืบราชบัลลังก์ เนื่องจากในตอนนั้น ผู้ที่ได้ครองราชย์คือ พระเจ้าอีวานที่ 6 ค่ะ
เอลิซาเบธจึงหันเข้าหาศาสนาแทน โดยการสร้างสำนักแม่ชีแห่งนี้ขึ้น 
โดยที่จุดศูนย์กลางเป็นโบสถ์สีฟ้า และมีอาคารต่างๆรายล้อมค่ะ
แต่ต่อมาเมื่อพระเจ้าอีวานถูกโค่นบัลลังก์ลง
เอลิซาเบธจึงได้รับการเชิญให้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน เลยไม่ได้เป็นแม่ชีต่อค่ะ
ต่อมาในช่วงที่ราชวงศ์โรมานอฟล่มสลาย คอนเวนท์แห่งนี้ก็ถูกปิดและทำลายค่ะ
ปัจจุบัน ตัวโบสถ์กลางนี้ถูกบูรณะขึ้นอีกครั้งและใช้เป็น concert hall
ส่วนอาคารรายรอบบางส่วนก็กลายเป็นออฟฟิสและหน่วยงานราชการค่ะ
นอกจากนี้ อาคารด้านหลังที่อยู่ริมแม่น้ำเนวา ก็กลายเป็นอาคารเรียนของคณะ Sociology, Political Science และ IR ของมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ


รู้สึกเหมือนอากาศมันหนาวๆยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ออกไปหาอะไรทานดีกว่า
จาก Smolny คราวนี้ทิปขี้เกียจเดินแล้วค่ะ เลยขึ้นรถตู้หน้าโบสถ์เพื่อไปลงแถวเมโทรค่ะ
Lazy to walk back to the metro... I took a van in front of the cathedral to the metro. (35 Rb)

เจอร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสถานีก็เลยแวะกินก่อนกลับบ้านค่ะ
ที่รัสเซียเนี่ย เค้านิยมอาหารญี่ปุ่นกันมากกว่าอาหารจีนค่ะ ดูได้จากจะมีร้านซูชิอยู่เกือบทุกที่ค่ะ
ฟังดูน่าจะดีใช่มั้ยคะ แต่ที่จริงแล้ว...
I had dinner at a Japanese restaurant near Chernyshevskaya station, and took a metro back to the hotel
สำหรับทิปก็พอกินได้นะคะ ความรู้สึกคล้ายๆกับกินอาหารไทยในต่างแดนค่ะ
เมื่ออิ่มแล้ว ก็เดินกลับไปขึ้นเมโทรสถานี Chernyshevskaya  และกลับที่พักค่ะ

ก็จบการเดินทางในวันที่ 3 ลงเพียงเท่านี้นะคะ พรุ่งนี้เราจะอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นวันสุดท้ายแล้ว
แต่ยังเหลือที่เที่ยวอีกหลายที่เลยค่ะ พรุ่งนี้จะต้องไปเก็บให้หมด 
ส่วนคืนพรุ่งนี้เราจะไม่มีบ้านนอนกันแล้ว เพราะเรามีนัดกับรถไฟตู้นอน1st class เพื่อกลับไปยังมอสโคสค่ะ
จะสนุกขนาดไหน ติดตามชมกันต่อไปนะคะ

No comments:

Post a Comment

Total Pageviews

39892